'พิชัย' ประเมินขัดแย้งขายแดนทุบศก.หมื่นล้าน

‘พิชัย’ เผยเบื้องต้นประเมินผลกระทบเหตุขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชากระทบเศรษฐกิจไทย 1 หมื่นล้านบาท รับงบประมาณที่ใช้เยียวยาตึงมือ หลังดึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.5 หมื่นล้านบาทแต่อาจไม่พอ จ่อดึงงบส่วนอื่นช่วยเพิ่ม ยืนยันเดินหน้าเจรจาภาษีสหรัฐฯ ต่อ มั่นใจข้อเสนอดูดีและเป็นประโยชน์กับ 2 ฝ่าย

29 ก.ค. 2568 – นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งเก็บข้อมูลเพื่อประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งหลัก ๆ ขึ้นอยู่ว่าสถานการณ์ยืดเยื้อยาวนานขนาดไหน โดยหากประเมินในเบื้องต้นตั้งแต่เริ่มมีการโยกย้ายหรืออพยพคน สถานการณ์น่าจะดำเนินมาหลักสัปดาห์ ดังนั้นหากประเมินแบบเร็ว ๆ โดยไม่นับผลกระทบทางการค้า น่าจะอยู่ที่ราว ๆ 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจุบันรัฐบาลยังมีงบในการกระตุ้นเศรษฐกิจเหลือ 4.2 หมื่นล้านบาท จากวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการจัดสรรไปแล้ว 1.15 แสนล้านบาท โดยวงเงินที่เหลือนั้นเบื้องต้นมีการจัดสรรไปแล้ว 1 หมื่นกว่าล้านบาท ดังนั้นจะเหลืออีกราว 2.5 หมื่นล้านบาทที่จะสามารถนำมารองรับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาได้ แต่เบื้องต้นมองว่าอาจจะยังไม่เพียงพอ ดังนั้นคงต้องมีการดึงงบประมาณในส่วนอื่นเข้ามาเสริมด้วย

“ผมต้องรวบรวมเอางบมาใช้ ซึ่งรวมถึงงบกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย เพราะจากสถานการณ์ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จะต้องมีการก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้านเรือนอีกเยอะมาก ดังนั้นงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ 2.5 หมื่นล้านบาทอาจจะไม่พอ ก็อาจจะต้องเอางบที่อื่นมาช่วยด้วย ส่วนถามว่าจะต้องมีการกู้เงินเพิ่มหรือไม่ เบื้องต้นยังไงก็ต้องใช้เงินตามกรอบงบประมาณ ส่วนการกู้เงินก็ต้องกู้ตามแผนของงบประมาณด้วยเช่นกัน” นายพิชัย กล่าว

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าอาจจะยังมีการยิงต่อสู้กันอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าหลังจากนี้สถานการณ์จะค่อย ๆ คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นแน่นอน

นายพิชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีนำเข้ากับสหรัฐฯ ว่า ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ทางสหรัฐฯ ได้ขอหยุดการเจรจาทันที ในช่วงที่มีการปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา แต่หลังจากมีการเจราจาหยุดยิง ทางสหรัฐฯ ก็ได้กลับมาเดินหน้าเจรจาภาษีกับไทยต่อทันที ตรงนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ทำงานกันต่อไป ส่วนการยื่นข้อเสนอต่าง ๆ ของไทยนั้น ดำเนินการไปแล้วกว่า 99.99% หลังจากนี้คงขึ้นอยู่กับทางสหรัฐฯ ว่าจะพิจารณาอย่างไร

โดยก่อนหน้านี้ไทยได้มีการพิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขและยื่นให้กับทางสหรัฐฯ ไปเกือบหมดแล้ว อาจจะเหลือในส่วนของร่างสัญญาที่ไม่จำเป็นต้องรีบดำเนินการให้เสร็จ และเมื่อพจิารณาท่าทีของสหรัฐฯ หลังจากได้รับข้อเสนอของไทยแล้วก็นาจะออกมาในทิศทางที่ดี ส่วนถามว่าหากสหรัฐฯ พิจารณาลดภาษีนำเข้าให้ไทยในระดับ 25% นั้น รับได้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ระบุว่า ‘ส่วนตัวไม่อยากเห็น 25%’ ขณะที่ฟิลิปินส์ และอินโดนีเซีย ที่ได้ภาษีนำเข้าในอัตรา 19% นั้น ไทยไม่ได้ทราบข้อเสนอของประเทศอื่น ๆ ทราบตามข่าวเช่นกัน แต่ยังยืนยันว่าข้อเสนอของไทยเป็นข้อเสนอที่ดูดี และจะเป็นข้อเสนอที่เป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย

“ถ้าถามว่ากลับมายิงกันต่อ ในมุมของสหรัฐฯ มันก็ไม่ควรที่จะมีการเจรจาเรื่องภาษีกันต่อ แต่ตอนนี้ทุกคนตกลงกันได้แล้ว มันก็ควรจะเบา ๆ ลง หลังจากนี้เราก็ต้องมาดูกันที่ความจริงใจของแต่ละประเทศ ส่วนวันนี้ยืนยันว่าสหรัฐฯ สั่งให้กลับมาเจรจากันต่อแล้ว แปลว่าเขาปลดล็อกให้เราแล้ว ส่วนหลังจากนี้ยังเหลืออีก 3 วัน จนกว่าจะถึงวันที่ 1 ส.ค. ก็อยากให้มาดูกัน ตรงนี้เป็นอะไรที่น่าลุ้น ถ้าไม่ทันเขาก็อาจจะเลื่อนให้” นายพิชัย กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา

เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก