
ท่ามกลางโจทย์ใหญ่ของประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับปัญหาฐานภาษีแคบ ความเหลื่อมล้ำในการจัดเก็บรายได้ และความกดดันต่อเสถียรภาพทางการคลัง กระทรวงการคลังได้ขยับเดินหมากครั้งสำคัญเพื่อปรับโฉมระบบภาษีไทยให้ทันสมัยขึ้น โดยประกาศผลักดันการใช้ Ali Score ร่วมกับ Data Lake เพื่อสร้างฐานข้อมูลภาษีแบบบูรณาการ เชื่อมโยงข้อมูลการเงิน การบริโภค และการทำธุรกรรมจากหลายหน่วยงานเข้าด้วยกัน เป้าหมายคือการขยายฐานผู้เสียภาษี สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บ และลดภาระที่ตกอยู่กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียง 4 ล้านคนที่กำลังแบกประเทศทั้งประเทศอยู่ในเวลานี้
สังคมไทยตั้งคำถามและถกเถียงมายาวนานถึงความเป็นธรรมด้านการจัดเก็บภาษี และคำถามสำคัญที่เกิดขึ้น คือ เหตุใดประชากรกว่า 70 ล้านคน มีเพียงผู้เสียภาษีไม่ถึง 4 ล้านคนที่ต้องรับภาระการจัดเก็บรายได้หลักของประเทศ สถานการณ์ดังกล่าวไม่เพียงสร้างความเหลื่อมล้ำ แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาระบบภาษีที่เข้มแข็งและยั่งยืน
กระทรวงการคลังเองยอมรับว่าภาพปัจจุบันของระบบภาษีไทยนั้นบิดเบี้ยว ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่อยู่ในระบบเพียง 4 ล้านคน กลายเป็นกลุ่มหลักที่ถูกเรียกเก็บภาษีอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่แรงงานนอกระบบนับสิบล้านคน รวมถึงธุรกิจที่สามารถเลี่ยงหรือบิดเบือนรายได้ กลับไม่อยู่ในระบบจัดเก็บเต็มที่ ทำให้ภาระภาษีตกหนักและไม่เป็นธรรมต่อกลุ่มที่อยู่ในระบบ การนำ Ali Score ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือทางการเงินมาประยุกต์ใช้กับระบบภาษี ร่วมกับการสร้าง Data Lake ที่รวบรวมข้อมูลจากหลายฐาน เช่น ข้อมูลธนาคาร กรมที่ดิน สรรพากร ประกันสังคม รวมถึงธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะทำให้รัฐมองเห็นภาพจริงของรายได้ประชาชนและธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวอย่างชัดเจนว่า ภารกิจสำคัญในวันนี้ของกระทรวงการคลังไม่ใช่เพียง “การเก็บให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “การเก็บให้เป็นธรรม” โดยย้ำว่าการผลักดัน Ali Score และการบูรณาการข้อมูลผ่าน Data Lake จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้รัฐมีฐานข้อมูลครบถ้วน สามารถสะท้อนศักยภาพที่แท้จริงของผู้มีรายได้ทุกกลุ่ม
“สิ่งที่เรากำลังทำคือการวางรากฐานให้ระบบภาษีไทยมีความเป็นธรรม โปร่งใส และตรวจสอบได้ ผู้ที่เสียภาษีอยู่แล้วไม่ควรต้องเป็นเสาหลักที่แบกรับทั้งประเทศ ในขณะที่อีกจำนวนมากยังคงอยู่นอกระบบ” ปลัดกระทรวงการคลังกล่าว
Ali Score + Data Lake: เครื่องมือใหม่สู่ภาษีที่ยุติธรรม
แนวคิดของ Ali Score คล้ายกับระบบเครดิตสกอร์ แต่พัฒนาให้ลึกและกว้างกว่า โดยดึงข้อมูลรายได้ การใช้จ่าย การลงทุน รวมถึงพฤติกรรมทางเศรษฐกิจจากแหล่งข้อมูลหลากหลายมาคำนวณเป็น “คะแนนศักยภาพทางรายได้” ของแต่ละบุคคล เมื่อผนวกกับ Data Lake ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมและเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน จะทำให้สามารถประเมินรายได้จริงได้ใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้น
ปลัดกระทรวงการคลังอธิบายว่า “ที่ผ่านมา ช่องว่างระหว่างรายได้ที่แท้จริงกับรายได้ที่นำมาคำนวณภาษีมีมาก ระบบใหม่จะช่วยลดช่องว่างนี้และทำให้ผู้ที่มีรายได้สูงไม่สามารถเลี่ยงการเสียภาษีได้อีกต่อไป ขณะเดียวกันผู้มีรายได้น้อยก็จะได้รับการคุ้มครองและช่วยเหลืออย่างตรงเป้า”
ความไม่สมดุลในการจัดเก็บรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปัจจุบัน
กลุ่มประชากร สัดส่วนประชากร (ล้านคน) สถานะภาษี หมายเหตุ
ผู้เสียภาษีเงินได้ประจำ 4 ชำระเต็มระบบ แบกรับภาระหลัก
ผู้มีรายได้ต่ำกว่าฐานภาษี ~30 ยกเว้น ส่วนใหญ่รายได้น้อยจริง
ผู้มีรายได้แต่ไม่ยื่นภาษี ~10 นอกระบบ ต้องการมาตรการจัดเก็บ
รวมประชากรทั้งหมด ~70 – –
ปลัดกระทรวงการคลังย้ำว่า “โครงสร้างเช่นนี้ไม่ยั่งยืนในระยะยาว เพราะหมายถึงว่า คนเพียง 4 ล้านคนต้องเป็นผู้แบกรับภาระของคนทั้งประเทศ การสร้างฐานภาษีที่กว้างขึ้นจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน”
Negative Income Tax: ทางออกเชิงโครงสร้าง
หนึ่งในแนวคิดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ Negative Income Tax (ภาษีรายได้ติดลบ) ซึ่งเป็นนโยบายภาษีและสวัสดิการในคราวเดียวกัน แนวทางนี้จะกำหนดเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ หากบุคคลใดมีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ รัฐจะคืนเงินหรือจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อยกระดับรายได้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ตรงกันข้าม หากรายได้เกินเกณฑ์ก็ต้องจ่ายภาษีตามอัตราที่กำหนด
ปลัดคลังอธิบายว่า “Negative Income Tax คือการสร้างสมดุลใหม่ คนที่มีรายได้น้อยจริงจะได้รับเงินช่วยเหลือโดยตรง ขณะที่ผู้มีรายได้สูงก็ต้องชำระภาษีมากขึ้นตามกำลัง การทำเช่นนี้ไม่ใช่เพียงการลดความเหลื่อมล้ำ แต่ยังเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนเข้ามาอยู่ในระบบภาษี เพราะแม้ผู้ที่มีรายได้น้อยก็ยังมีเหตุผลที่จะยื่นรายได้เพื่อรับสิทธิประโยชน์”
ความท้าทายและโอกาส
แม้นโยบายดังกล่าวจะมีความก้าวหน้า แต่ก็ยังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งในเชิงกฎหมาย งบประมาณ และความพร้อมของระบบไอทีที่จะต้องรองรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ปลัดคลังยอมรับว่าเป็น “งานยักษ์” แต่ก็ยืนยันว่าถึงเวลาที่ต้องทำ “หากเรายังยึดระบบเดิมต่อไป อีก 10 ปีข้างหน้าเราจะเจอปัญหาใหญ่ ทั้งงบประมาณรัฐที่ขาดดุล และความเหลื่อมล้ำที่เพิ่มสูงขึ้น เราเลือกไม่ได้แล้วนอกจากต้องลงทุนสร้างระบบข้อมูลที่สมบูรณ์และผลักดันนโยบายภาษีที่เป็นธรรมจริงๆ”
ทิศทางใหม่ของกระทรวงการคลังที่มุ่งใช้เทคโนโลยีข้อมูล ผ่าน Ali Score และ Data Lake เป็นหัวใจในการยกระดับระบบภาษีไทย เป้าหมายคือการสร้างความเป็นธรรม ลดภาระของผู้เสียภาษี 4 ล้านคนที่ต้องแบกประเทศ และขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกัน การเสนอ Negative Income Tax ถือเป็นก้าวสำคัญที่ผสาน “ภาษี” เข้ากับ “สวัสดิการ” โดยไม่ปล่อยให้ใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นโยบายนี้อาจเป็นคำตอบต่อโจทย์ที่สังคมไทยเผชิญมานาน นั่นคือ “ทำอย่างไรให้ระบบภาษีไม่ใช่ภาระ แต่เป็นเครื่องมือสร้างความเป็นธรรมและความมั่นคงให้กับทุกคน”
แต่ประเด็นที่ต้องติดตามคือ ความกล้าหาญในการตัดสินใจของผู้มีอำนาจรัฐ ว่าจะขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิรูประบบภาษีนี้หรือไม่และเมื่อไหร่?!?.
ตารางเปรียบเทียบการจัดเก็บภาษี
ประเด็น ระบบปัจจุบัน หลังใช้ Ali Score + Data Lake
ฐานข้อมูล กระจัดกระจาย แยกหน่วยงาน รวมศูนย์ เชื่อมโยงข้ามหน่วยงาน
การตรวจสอบ อาศัยการยื่นภาษีด้วยตนเอง ตรวจสอบจากธุรกรรมจริง
ความเป็นธรรม ผู้เสียภาษี 4 ล้านคนรับภาระหลัก ขยายฐาน เก็บได้กว้างขึ้น
ประสิทธิภาพจัดเก็บ ช่องโหว่เลี่ยงภาษีสูง ลดช่องโหว่ เพิ่มความโปร่งใส.


