
‘คลัง’ เผยเศรษฐกิจไทยเดือน ส.ค. 68 ยังไหว อานิสงส์ ‘ส่งออก’-‘ท่องเที่ยวในประเทศ’ หนุน ส่วนบริโภคภาคเอกชน-นักท่องเที่ยวต่างชาติสัญญาณแผ่ว พร้อมจับตาใกล้ชิดผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ-ทิศทางค่าเงินบาท-นโยบายรัฐบาล และความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน หวั่นกระทบเศรษฐกิจไทย
29 ก.ย. 2568 – นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ส.ค. 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ยังขยายตัว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ที่ 5.8% โดยการส่งออกขยายตัวในอัตราชะลอลง หลังจากมีการบังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ แต่ยังเห็นการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ โดยตลาดคู่ค้าหลักของไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ตลาดอินเดีย สหรัฐฯ และจีน
ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 22.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 6.4% ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.58 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -12.8% ส่วนภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.6% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด เป็นต้น สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.4 จากระดับ 86.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ปัญหาอุทกภัย และความไม่ชัดเจนของอัตราภาษีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.8% และปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -0.3 ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -10.8% และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือน ส.ค. 2568 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.1 จากระดับ 51.7 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่วนการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน
อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ส.ค. 2568 อยู่ที่ -0.79% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.81% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2568 อยู่ที่ 64.5% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 267.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
“ยังจำเป็นต้องติดตามผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ทิศทางค่าเงินบาท นโยบายของรัฐบาล และความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป” นายพรชัย ระบุ


