'ศุภวุฒิ' เสนอทางรอดประเทศ ต้องปลดล็อก นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ 9 ล้านล้านบาทมาใช้

30 ก.ย.2568 - สำนักข่าวไทยพับลิกก้า จัดงานเสวนาหัวข้อ “ประเทศไทยต้องรอด Save Thailand Restores, Reframe, Rises “โอกาสนี้ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานคณะกรรมการสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) กล่าวว่า จีดีพีการขยายตัวทางเศรษฐกิจประเทศไทยลดลงมาตลอด สวนทางกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ปัญหาเศรษฐกิจที่ขยายตัวลดลง เห็นได้จากยอดขาย เทียบกับในอดีตช่วงปี1991-1996 ยอดขายไทยโต 13% ช่วงโควิดยอดขายเหลือโต 2%  ขณะเดียวกันการขาดดุลงบฯก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การขาดดุลงบฯสอดคล้องกับจีดีพีที่ลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงหลังโควิด สวนทางกับดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลมาตลอด ซึ่งไม่ใช่สิ่งดี เพราะสะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อในประเทศลดต่ำลง แต่ในเวลาเดียวกันกลับมีเงินทุนไหลออกจากประเทศต่อเนื่อง แสดงว่าประเทศไทยไม่ขาดแคลนเงินทุน  แต่ส่งออกเงินทุนด้วยซ้ำ 

ทางด้านผู้ประกอบการก็ประสบกับความยากลำบาก ยอดขายลดลง แต่ภาระดอกเบี้ยไม่ลด ในปี 2024 เรามียอดขายเพิ่มขึ้น2.4% แต่ภาระดอกเบี้ยสูง 7.3%

ส่วนเอสเอ็มอี ก็ประสบปัญหาแบงก์ไม่ยอมปล่อยกู้ให้ ในปี2020 แบงก์ปล่อยกู้เอสเอ็มอี 3.3 ล้านล้านบาท แต่ตอนนี้เหลือ 2.8 ล้านล้านบาท ทำให้สถานการณ์เอสเอ็มอี แย่กว่าช่วงโควิดเสียอีก 

ในแง่ภาพใหญ่ของประเทศได้เปลี่ยนไป  โครงสร้างผลิต ภาคอุตสาหกรรมลดลงแรงต่อเนื่อง   ดังนั้นส่วนที่จะใช้ขับเคลื่อนได้ต้องเป็นภาคบริการ เราต้องปรับพัฒนาประเทศให้เป็นภาคบริการ มากขึ้น แทนภาคอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างจีน 40ปีที่แล้วมุ่งการผลิตเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมมาก ขณะนี้จีนจึงผลิตโอเวอร์มาก ผลิตสูงกว่าสหรัฐอเมริกา30 % แต่กลายเป็นจุดอ่อน ในเรื่องผลิตอาหารไม่เพียงพอกับความต้องการ ต้องพึ่งพาการนำเข้า ซึ่งไทยควรใช้โอกาสนี้ ผลิตสินค้าเกษตรแปรรูปให้จีนเพิ่มขึ้น  ปัจจุบันไทยส่งออกอาหารให้จีนเป็นอันดับ 5หรือ 6   ก่อนหน้านี้ ทีดีอาร์ไอ ก็ชี้ประเด็นนี้  แต่เรากลับมีปัญหา เราสามารถแปรรูปสินค้าเกษตรได้ 8 ล้านตัน แต่ต้องนำเข้าวัตถุดิบ 12 ล้านตัน

ดร.ศุภวุฒิ เสนอว่า  ไทยต้องปลดล็อกหลายด้านเพื่อสร้างทางรอด  รวมทั้งการนำเข้าสินค้าเกษตร ต้องเปิดเสรีมากกว่านี้ ภาษีศุลกากรเราคิด 20% และยังมีภาษีอื่นๆ ทั้งๆที่นอกจากผลิตอาหารคนเรายังผลิตอาหาร หมา แมว ส่งออกไปยุโรปด้วยแต่เรากลับมีต้นทุนภาษีวัตถุดิบสูง เรามีต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูง

”ประเทศไทยต้องรอด เราต้องปลดล็อกตรงนี้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น  เราต้องผลิตอาหารขายโลก แม้ปลดล็อกเรื่องนี้จะยากเพราะต้องเกี่ยวเนื่องกับเชิงการเมือง  อย่างในเรื่องหมู อเมริกามีต้นทุนเลี้ยงที่ถูกกว่าไทย เพราะราคาอาหารสัตว์ถูกกว่า ”

ดร.ศุภวุฒิ เสนออีกว่า ไทยควรมีการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้ประโยชน์ เรื่องนี้คนธนาคารแห่งประเศไทย ฟังแล้วอาจไม่พอใจ  ตอนนี้เรามีทุนสำรอง 9 ล้านล้านบาท ซึ่งมากเกินไป เป็นการเก็บไว้เฉยๆไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ ไอเอ็มเอฟ เคยประเมินว่า เราควรมีทุนสำรองเท่าไหร่ โดยดูจากการส่งออก  ปริมาณเงิน M2 ภาระหนี้ ระยะสั้น หนี้ต่างประเทศ และภาระหนี้อื่นๆ พบว่าไทยมีทุนสำรอง 239.2% ของ IRA หรือเกินไป 139%  ถ้าดึงออกมา1แสนล้านเหรียญ หรือ 3.3ล้านยาท มาลงทุนตั้งเป็นกองทุนมั่งคั่ง เช่นเดียวกับ สิงคโปร์ ที่50 ปีที่แล้วที่เอาเงินทุนสำรองมาตั้งกองทุนทั่งคั่ง ปัจจุบันงอกเงยมีสินทรัพย์ 8 แสนล้านเหรียญ สามารถส่งรายได้เข้ารัฐ 20% ของทุกปั

“เราต้องปลดล็อกประเทศในส่วนนี้ เราสามารถนำเงินส่วนนี้มาลงทุนได้ เพื่อกระตุ้นภาคเอกชน และได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่า 5-6% ดูจากกบข. ที่ลงทุนต่างประเทศ 30-40%ของพอร์ต  ” 

ดร.ศุภวุฒิ ยังเสนอให้ปลดล็อกเรื่องของพลังงาน ลดการผูกขาดของกฟผ. ส่วนภาคโลจิสติกส์  โดยเฉพาะระบบรางที่จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพราะจีนหลีกเลี่ยงการขนส่งทางเรือด้วยเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ และหันมาขนส่งทางรางแทน ซึ่งไทยมีรางระยะทาง 4 พันกม. และมีแผนขยายเพิ่มเป็น 5,643 กม  เราต้องรีบพัฒนาระบบราง เพื่อเชื่อมต่อโครงการเปอร์ริช แลนด์พอร์ต ของมาเลเซียที่ทำระบบมาถึงปาดังเบซาร์  เป้าหมายส่งออกไปถึงจีน แต่รฟท. มีข้อจำกัด มีหัวรถจักร 190 หัว แต่เป็นของเก่า จึงใช้ได้ 50%  กีบระยะทาง 4 พัน กม

“กำลังมีกฏหมายใหม่  ปลดล็อกให้เอกชนเดินรถได้ หรือเป็นการปลดล็อก 30ปี ของการรถไฟ การผูกขาดทางโลจิสติกส์ ” 

ขณะที่ในภาคอุตสาหกรรมดร.ศุภวุฒิ กล่าวว่า ส่วนที่ต้องพัฒนาการผลิตได้อีกก็คือ พวกฮาร์ดดิส ไดร์ฟ พวกไมโครชิพ เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งไทยทำได้ดีได้รับการยอมรับระดับโลก 

ในภาคบริการ ดร.ศุภวุฒิ กล่าวว่า ที่เด่นคือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งในแผนพัฒนาเศษฐกิจฉบับ14 จะมีการบรรจุเรื่องนี้ว่าจะเป็นส่วนสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ รับพยายามดัน 'คนละครึ่งพลัส' เฟส 2 ให้ทันยุบสภา

นายกฯ บอกพยายามดัน "คนละครึ่งพลัส" เฟส 2 ให้ทันยุบสภา เลี่ยงตอบปมให้ทุกกระทรวงเสนองบก่อน 9 ธ.ค.นี้ ตอกกลับ ‘เมียจักรภพ’ ให้ถาม ปชช.ส่วนใหญ่ หลังโวยคนละครึ่งพลัสเป็นโครงการผิดพลาด

ร้านค้าบุรีรัมย์คึกคัก วันแรกใช้สิทธิ 'คนละครึ่งพลัส' ประชาชนกล้าใช้จ่ายมากขึ้น กระตุ้นยอดซื้อได้ดี

คนละครึ่งพลัสวันแรก มีประชาชนแห่สแกนซื้อสินค้า ทั้งของกินของใช้กันอย่างคึกคัก ขณะที่ลูกค้าหลายรายยังไม่เข้าใจระบบการเติมเงิน ว่าจะต้องกดเติมเงินและสแกนจ่ายอย่างไร โชคดีทางร้านช่วยแนะนำ ขณะแม่ค้าเผยอานิสงค์โครงการฯ ทำให้มีประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นกว่าปกติ

เชียงใหม่คาด 'คนละครึ่งพลัส' กระตุ้นเศรษฐกิจได้กว่า 4 พันล้านบาท

คลังเชียงใหม่เผยโครงการคนละครึ่งพลัสคนลงทะเบียนคึกคัก เริ่มใช้สิทธิได้ 29 ต.ค.นี้ พร้อมชวนร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการได้ถึง 19 ธ.ค. คาดกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงใหม่ได้กว่า 4 พันล้านบาท แต่ให้ระวังมิจฉาชีพ!

'เด็กปชน.' ชี้คนละครึ่งพลัส กระตุ้นเศรษฐกิจแค่ระยะสั้น จี้รัฐบาลหามาตรการดูแลระยะยาว

‘สิทธิพล’ แนะรัฐบาลสร้างแรงจูงใจ-ความมั่นใจ ร้านค้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ไม่ต้องหวั่นโดนภาษีย้อนหลัง ชี้ ปชช. แห่ลงทะเบียน สะท้อนรายได้ถดถอย ข้าวยากหมากแพง ลั่น เป็นสิทธิ์เต็มที่ของฝ่ายบริหาร หลังถูกถามทำนโยบายกระตุ้น ศก.เรียกคะแนนนิยมหรือไม่ บอก ทำเพื่อประโยชน์ ประชาชน