'แบงก์ชาติ' ไม่ค้านตั้งกองทุนความมั่งคั่ง แนะต้องศึกษาให้ดี-โปร่งใส มอง 'คนละครึ่ง' ฟื้นเชื่อมั่น

‘‘แบงก์ชาติ’ ไม่ค้านตั้ง ‘กองทุนความมั่งคั่งของประเทศ’ รับเป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกันมายาวนาน แต่แนะต้องศึกษาให้ดี-โปร่งใส แจงทุนสำรองไทยมีภาระผูกพันจากเงินต่างชาติ มอง ‘คนละครึ่ง พลัส’ ปัจจัยบวกหนุนการบริโภค-เชื่อมั่น 3 เดือนหน้าฟื้น

30 ก.ย. 2568 – นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ระบุว่า ไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเกินไปถึง 9 ล้านล้านบาท จึงเสนอให้จัดตั้งเป็นกองทุนความมั่งคั่งของประเทศ (Sovereign Wealth Funds) นั้น นางสาวชญาวดี ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการพูดคุยมายาวนาน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่าโครงสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน โดยทุนสำรองของไทยมีภาระผูกพันจากเงินต่างประเทศที่เข้ามาทั้งเงินลงทุนโดยตรง เงินลงทุนในตลาดหุ้น เงินลงทุนในพันธบัตร ซึ่งสามารถไหลออกได้ตลอดเวลา ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีทุนสำรองเพื่อรองรับเงินที่จะไหลออกไปในอนาคต ซึ่งหากจะทำนั้นจะต้องพิจารณาถึงความจำเป็น และจะต้องศึกษาในเรื่องนี้อย่างรอบคอบ

“เรื่องนี้ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่ต้องดูถึงขนาดของกองทุน ต้องศึกษาเพิ่มเติม โดยการจะทำต้องขึ้นอยู่กับโครงสร้างของทุนสำรอง โดยหากจะทำจริง ๆ ก็ต้องดูในเรื่องของธรรมาภิบาล รวมถึงการบริหารส่วนนี้ที่จะต้องระมัดระวัง เพราะเงินส่วนนี้ถือเป็นเงินของประเทศ รวมถึงการดำเนินการจะต้องโปร่งใสด้วย” นางสาวชญาวดี กล่าว

ขณะที่มาตรการคนละครึ่ง ซึ่งมีวงเงินดำเนินการรวม 6 หมื่นกว่าล้านบาทนั้น คิดเป็นประมาณ 0.4% ของจีดีพีตามสัดส่วนวงเงิน มองว่าเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการบริโภค รวมถึงความเชื่อมั่นในช่วง 3 เดือนข้างหน้า แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจนั้น จะต้องประเมินอีกครั้ง เพราะจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนก่อน หรืออาจมีผลต่อจีดีพีประมาณ 0.2%

ส่วนกรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมีการออกมาปรับมุมมอง (outlook) ของธนาคารบางแห่ง ว่า เป็นการปรับตาม outlook ของประเทศ โดยสถาบันการเงินที่ได้รับการปรับ เพราะมีส่วนเชื่อมโยงกับภาครัฐมากกว่าสถาบันการเงินอื่น ๆ แต่อย่างไรในแง่สถานะการเงินยืนยันว่า ‘ยังปกติ’

ขณะที่การหารือกับสมาคมและผู้ประกอบการร้านทองนั้น ในสัปดาห์นี้จะมีการหารือกันอีกครั้ง โดยเบื้องต้น สิ่งที่จะเร่งดำเนินการคือ การสนับสนุนให้มีการซื้อขายทองคำด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ในส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ส.ค. 2568 ชะลอลงจากเดือนก่อน จากภาคเกษตรและการผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้ภาคการค้าและขนส่งสินค้าลดลงตาม ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวปรับดีขึ้นจากรายรับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ส่วนการส่งออกในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา ขยายตัวได้ 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 0.1% จากเดือนก่อนหน้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง