'บสย.' โชว์9เดือนค้ำสินเชื่อเฉียด3หมื่นล้าน จ่อเข็นมาตรการใหม่ เตรียมอุ้มกลุ่มนอนแบงก์

‘บสย.’ กางผลงาน 9 เดือน ค้ำประกันสินเชื่อเฉียด 3 หมื่นล้านบาท อุ้มเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มกว่า 3.72 หมื่นราย ปั๊มเศรษฐกิจ 1.22 แสนล้านบาท เตรียมเข็นมาตรการใหม่เติมสภาพคล่องผู้ประกอบการรับไฮซีซั่น พร้อมขยายค้ำประกันกลุ่มนอนแบงก์ ปลุกเศรษฐกิจปลายปี

16 ต.ค. 2568 – นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงาน บสย. ช่วง 9 เดือน ปี 2568 (ม.ค. – ก.ย.) ว่า มียอดค้ำประกันสินเชื่อรวม 29,695 ล้านบาท ผ่าน 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่เป็นมาตรการรัฐ ในสัดส่วน 54% คิดเป็นยอดค้ำประกัน 15,984 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีได้สินเชื่อ 33,625 ราย และโครงการค้ำประกันสินเชื่อดำเนินการโดย บสย. ในสัดส่วน 46% คิดเป็นยอดค้ำประกัน 13,711 ล้านบาท สามารถช่วยเอสเอ็มอีได้สินเชื่อ 3,875 ราย

โดยในส่วนของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 ‘บสย SMEs ยั่งยืน’ วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการค้ำกันสินเชื่อที่เน้นช่วยเอสเอ็มอีลดภาระทางการเงิน โดยฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2-4 ปีแรก ปีต่อไปชำระค่าธรรมเนียมตามวงเงินคงเหลือเพียง 1.5-1.75% ต่อปี ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือน ก.ค. 2567 จนถึง 30 ก.ย. 2568 มียอดค้ำประกันรวม 44,517 ล้านบาท และสามารถช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อในระบบมากกว่า 62,703 ราย

ทั้งนี้ ตลอด 9 เดือนของปี 2568 จากการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 122,640 ล้านบาท ช่วยเอสเอ็มอีได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่า 37,285 ราย แบ่งเป็นกลุ่มรายย่อยหรือ Micro SMEs ในสัดส่วนถึง 84% ค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ย 150,000 บาทต่อราย อีก 16% เป็นกลุ่มเอสเอ็มอี ค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ย 4.4 ล้านบาทต่อราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้กว่า 39,335 ล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานรวม 401,871 ตำแหน่ง

สำหรับประเภทธุรกิจที่มียอดค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1. ภาคบริการ 32.6% 2. อาหารและเครื่องดื่ม 10% และ 3. เกษตรกรรม 7.9% ซึ่งทั้ง 3 ประเภทธุรกิจครองสัดส่วนค้ำประกันถึง 51% สะท้อนถึงแนวโน้มของเม็ดเงินลงทุนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาคบริการ อาหาร และธุรกิจท่องเที่ยว ที่เดินหน้าการลงทุน ต่อยอดธุรกิจเพื่อรองรับเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนมากในช่วงปลายปี

“จากสัดส่วนผู้ประกอบการที่เข้าถึงสินเชื่อ ผ่านการค้ำประกันของ บสย. ซึ่งเป็นกลุ่มรายย่อย Micro SMEs สูงถึง 84% สะท้อนถึงความสำเร็จของกลไกการค้ำประกันของ บสย. ที่สามารถช่วยเหลือกลุ่ม Micro SME รายย่อย อาชีพอิสระ และกลุ่มเปราะบาง ที่มีปัญหาขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือบุคคลค้ำประกัน สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น” นายสิทธิกร กล่าว

นายสิทธิกร กล่าวอีกว่า จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ สงครามการค้า และสารพัดปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นตลอดปีนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยให้ติดหล่ม จากปัญหาสภาพคล่องและการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบ ซึ่งสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล โดยรัฐบาลเล็งเห็นถึงปัญหาของธุรกิจเอสเอ็มอีนำมาสู่นโยบาย Quick Big Win หรือกระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว ซึ่งหนึ่งในด้านที่สำคัญ คือ การช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ด้วยการเติมสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีอย่างเร่งด่วน โดย บสย. ร่วมขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาลด้วยการเตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อโครงการใหม่ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับเอสเอ็มอีที่ต้องการเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ หรือลงทุนต่อยอดกิจการเพื่อรองรับช่วงไฮซีซัน ในเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี

อย่างไรก็ดี ถือเป็นมาตรการพิเศษ ที่มุ่งกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อในรายที่ต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติม แต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นการลดความเสี่ยงด้าน Credit Cost ให้กับเอสเอ็มอีและเพิ่มโอกาสด้านเครดิต (Credit Enhancement) เพื่อลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) และทำให้สถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นในการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มให้กับเอสเอ็มอีมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บสย. ได้เดินหน้าช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ “บสย. พร้อมช่วย” หรือมาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว โดยตั้งแต่เปิดตัวมาตรการในปี 2565 จนถึง 30 ก.ย. 2568 สามารถปรับโครงสร้างหนี้ 22,481 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสมรวม 14,560 ล้านบาท เฉพาะ 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค. – ก.ย.) สามารถปรับโครงสร้างหนี้ 3,992 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 2,688 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นกลุ่มเปราะบาง 2,628 ราย จากมาตรการนี้สามารถช่วยลูกหนี้ปลดหนี้ ปิดบัญชีได้สำเร็จถึง 547 ราย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาส 4/2568 บสย. พร้อมค้ำประกันสินเชื่อให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจนอนแบงก์ ตามประกาศกระทรวงการคลังฉบับใหม่ ได้แก่ นาโนไฟแนนซ์ และลีสซิ่ง

เพิ่มเพื่อน