
เอสซีจีเผยไตรมาส 3/2568 ขาดทุนสำหรับงวด 669 ล้านบาท แต่ยังรักษากระแสเงินสดได้แข็งแกร่ง 14,191 ล้านบาท มองมรสุมเศรษฐกิจโลกและไทยยืดเยื้อจนถึงปี 2569
30 ต.ค. 2568 – นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือเอสซีจี (SCG) เปิดเผยว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2568 เอสซีจีมีกำไร 774 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือจากธุรกิจเคมิคอลส์ 1,348 ล้านบาท และรายการปรับโครงสร้างธุรกิจ ดังนั้นหากรวม 2 รายการดังกล่าว บริษทจะขาดทุนสำหรับงวด 669 ล้านบาท แต่ยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง 14,191 ล้านบาท
โดยบริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 121,793 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน 2% จากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับซีเมนต์และการก่อสร้าง และรายได้จากการขายที่ลดลงของเอสซีจีพี ประกอบกับเศรษฐกิจโลกและไทยได้รับแรงกดดันจากสงครามการค้า ภาษีนำเข้าสหรัฐ และความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.2568) เอสซีจีมีกำไร 17,767 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 159% มีกระแสเงินสด 44,511 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายอยู่ที่ 370,870 ล้านบาท ลดลง 3%
นายธรรมศักดิ์ กล่าวว่า ในไตรมาส 3 เป็นจุดที่เริ่มเห็นแล้วว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงอย่างชัดเจน รวมถึงปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่มันเคยยังมีอยู่ ในช่วงครึ่งแรกของปีเนี่ยตอนนี้หมดไปแล้ว เรากำลังเจอสภาพพายุเศรษฐกิจเข้ามาจริง ๆ โดยเริ่มจากไตรมาส 3 ต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4 และไตรมาส 1 ปีหน้า โดยเฉพาะการอ่อนตัวของกำลังซื้อ และเรื่องของการท่องเที่ยวที่ดูแล้วยังไม่กลับมา ซึ่งคาดว่าคงใช้เวลา นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 5% หรือบางช่วงขึ้นไปถึง 8% ก็เป็นผลกระทบที่หนักมาก เพราะประเทศไทยยังพึ่งพาการส่งออก ขณะที่นโยบายภาครัฐ เรื่องการเบิกจ่าย และเสถียรภาพและความต่อเนื่องระหว่างรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่สำคัญ หากทำให้เกิดความต่อเนื่องได้นี่ช่วยได้เยอะ
“เรากังวลเรื่องนี้มาสักพักแล้ว เรารู้อยู่แล้วว่าสักวันจะเกิดสถานการณ์ลบต่าง ๆ มาผลกระทบ เราจึงมีการเตรียมตัวไว้มาสักระยะหนึ่งแล้ว ในเรื่องของการสร้างความเข้มแข็ง การสร้างกระแสเงินสด รวมถึงการลดภาระในการทำงาน และปรับพวกกลุ่มที่ไม่สร้างรายได้หรือไม่ทำกำไรออกซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ของบริษัท ทำให้ต้นทุนลดลง โดยมองว่ายอดขายของปีนี้หากทำได้ใกล้เคียงกับปีที่แล้วก็เก่งแล้ว ขณะที่เงินปันผลในปีนี้จะพยายามไม่ทำให้ต่ำกว่าปีก่อน เพราะเป็นความตั้งใจที่จะดูแลผู้ถือหุ้น”นายธรรมศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจโลกยังเปราะบางและคาดการณ์ยาก แต่เอสซีจียังเชื่อมั่นว่า 4 กลยุทธ์สำคัญในการปรับตัวอย่างทันท่วงทีในช่วงที่ผ่านมาคือ ภูมิคุ้มกันที่ถูกทาง สามารถเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ และรับมือเศรษฐกิจโลกที่ยืดเยื้อได้ โดย 1.การรักษาวินัยทางการเงิน 2.การรวมศูนย์การผลิตเพื่อลดความซ้ำซ้อน 3.พร้อมรุกตลาดเวียดนามและฐานการผลิตใหม่เพื่อส่งออกตลาดโลก และ 4.ขยายพอร์ตสินค้า บริการที่คุ้มค่ามีมูลค่าสูง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอกฉันท์!‘กนง.’ลดดอกเบี้ย0.25% คงจีดีพีปี68ที่2.2%ครึ่งปีหลังชะลอ
เอกฉันท์! ‘กนง.’ มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.50% ต่อปี เป็น 1.25% ต่อปี โดยให้มีผลทันที พร้อมคงจีดีพีปี 68 ไว้ที่ 2.2% แต่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 69 เหลือ 1.5% ส่วนปี 70 ที่ 2.3%
‘เอกนิติ’แจงศก.ไทยรับไม่ได้หลังบาทแข็งโป๊ก ถกธปท.ดูแลใกล้ชิด
‘เอกนิติ’ แจงเศรษฐกิจไทยรับไม่ได้หลังบาทแข็งโป๊ก เร่งหารือแบงก์ชาติ ประสานนโยบายดูแลใกล้ชิด พร้อมมอบนโยบายคลังช่วยบรรเทา โยนส่วนราชการ-รัฐวิสาหกิจพิจารณานำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็น กระทุ้ง สบน. เร่งคืนหนี้ต่างประเทศ

