เบรกโอนสามสนามบิน 'บุรีรัมย์-กระบี่-อุดรธานี' ให้ ทอท. ห่วงต้นทุนกระทบค่าใช้จ่ายผู้โดยสารเพิ่ม

‘มัลลิกา’ เบรกโอนสามสนามบิน ‘บุรีรัมย์-กระบี่-อุดรธานี’ เดินหน้าเร่งเครื่องปรับโฉม 8 สนามบินนำร่อง ติดตั้งระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ‘CUPPS–Biometrics’ เพิ่มความสะดวกผู้โดยสาร ลุยขยายรันเวย์ ‘ชุมพร–ระนอง’ หนุแลนด์บริดจ์

1 พ.ย.2568-นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายแก่กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ว่า สำหรับความคืบหน้าแนวคิดการโอนการบริหารสนามบินภูมิภาค 3 แห่ง ได้แก่ บุรีรัมย์ กระบี่และอุดรธานี จากกรมท่าอากาศยานไปให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ดูแลนั้น จากข้อมูลที่ได้รับ เหตุผลในการโอนให้ ทอท. มาจากการมองว่าเอกชนมีศักยภาพในการพัฒนาได้ดีกว่า แต่ก็มีข้อกังวลเรื่อง ต้นทุนและค่าธรรมเนียมบริการของ ทอท. ดังนั้น หากมีการโอนย้ายสนามบินอาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นแก่ผู้โดยสาร ซึ่ง ทย. ไม่ต้องการให้ภาระไปตกอยู่กับผู้โดยสาร

“ มองว่า ทย. ยังมีศักยภาพเพียงพอในการบริหารจัดการสนามบินเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่มีปัญหาการให้บริการ ดังนั้น จึงให้ ทย.ดำเนินการบริหารสนามบินทั้ง 3 แห่งต่อไปตามเดิม ส่วนการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่เกี่ยวข้องนั้น คาดว่าจะยังไม่สามารถดำเนินการในรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ และอาจต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่ที่มีวาระการทำงานยาวกว่าพิจารณาเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง”นางสาวมัลลิกา กล่าว

นางสาวมัลลิกา กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคมได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยาน เพื่อยกระดับบริการให้มีมาตรฐานสากล สร้างความประทับใจแก่ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว โดยเน้นให้ ปรับปรุงภาพลักษณ์ภายในอาคารผู้โดยสารให้มีความสะอาด สว่าง สวยงาม และทันสมัยอยู่เสมอ ควบคู่กับการนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในสนามบินที่มีความพร้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมท่าอากาศยาน เร่งดำเนินโครงการลงทุนสำคัญ และพิจารณา ต่อเติมความยาวทางวิ่งของท่าอากาศยานที่มีศักยภาพ เพื่อรองรับอากาศยานขนาดใหญ่และเที่ยวบินระหว่างประเทศ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้าของภูมิภาค โดยเฉพาะ ท่าอากาศยานชุมพรและระนอง ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงกับโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย-อันดามัน หรือแลนด์บริดจ์ (Land Bridge) ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าผลักดัน

นายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า ได้รับมอบนโยบายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อดำเนินการปรับปรุงภาพลักษณ์ท่าอากาศยาน โดยการนำเสนออัตลักษณ์และเอกลักษณ์ของจังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการตกแต่งภายในอาคารที่พักผู้โดยสารนำร่อง 8 ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง อุบลราชธานี ขอนแก่น กระบี่ อุดรธานี และบุรีรัมย์ ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณในปี2569 แล้ว          

นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง CUPPS (Common Use Passenger Processing System) ซึ่งปัจจุบันติดตั้งแล้วทั้งหมด 7 ท่าอากาศยาน ได้แก่ท่าอากาศยานกระบี่ ขอนแก่น สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช พิษณุโลก และตรัง ซึ่งในอนาคตกรมท่าอากาศยานมีแผนนำระบบ Biometrics มาใช้สำหรับการยืนยันตัวตน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรให้ดูทันสมัย

ในส่วนของการขยายความยาวทางวิ่ง ทย. ได้รับงบประมาณในการดำเนินการขยายความยาวทางวิ่ง ดังนี้ ท่าอากาศยานที่อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ได้แก่ ท่าอากาศยานชุมพร จากเดิม 45 x 2,100 เมตร เป็น 45 x 2,990 เมตร งบประมาณ 1,500 ล้านบาท และท่าอากาศยานแพร่ จากเดิม 30 x 1,500 เมตร เป็น 45 x 2,100 เมตร งบประมาณ 400 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ส่วนท่าอากาศยานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จากเดิม 45 x 2,100 เมตร เป็น 45 x 2,900 เมตร งบประมาณ 949.556 ล้านบาท ท่าอากาศยานตรัง จากเดิม 45 x 2,300 เมตร เป็น 45 x 2,990  เมตร งบประมาณ 1,775.7213 ล้านบาท และท่าอากาศยานระนอง จากเดิม 45 x 2,000 เมตร เป็น 45 x 2,400 เมตร งบประมาณ 592.085 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ ทย.ให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสนามบินกับระบบขนส่งภาคพื้น โดยเร่งขยายผล โครงการศูนย์ขนส่งต้นแบบส่งเสริมการบริการรถสาธารณะซึ่งได้ดำเนินการแล้วที่ ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี และ ท่าอากาศยานอุบลราชธานี เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้โดยสารให้ไร้รอยต่อให้ห้มีศักยภาพเทียบเท่าสากล ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีบริการ และความสะดวกสบายของผู้โดยสาร เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการขนส่งของประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต.

เพิ่มเพื่อน