
กพอ. เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล รับการลงทุนในอีอีซี ลุยเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ เดินหน้าสู่ศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน
4 พ.ย. 2568 – นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ในฐานะเป็นเลขานุการการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 5/2568 วันที่ 3 พ.ย. 2568 โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุม เปิดเผยว่ากพอ. ได้พิจารณา และมีมติในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้ เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2567 – 2570 เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการด้านดิจิทัลให้มีความทันสมัย รองรับการลงทุนด้านดิจิทัลในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดการพัฒนาเมืองให้น่าอยู่มีความทันสมัยระดับนานาชาติ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อีอีซี ประกอบด้วย 2 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้ทันสมัยรองรับการเข้าสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และแนวทางที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนงาน/โครงการที่สำคัญ เช่น โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub)
รวมถึงโครงการวางแผนผังด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อบริหารจัดการโครงข่ายดิจิทัลให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบคมนาคมและสาธารณูปโภคในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ แผนงานยกระดับกฎหมาย/กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องรองรับกิจกรรมด้านดิจิทัล แผนงานยกระดับเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ แผนงานยกระดับการให้บริการภาครัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
ทั้งนี้ กพอ. มอบหมายให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำกับ ติดตาม และรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลฯ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นกรอบในการจัดทำร่างแผนปฏิบัติการและการดำเนินงาน รวมถึงขอรับการจัดสรรงบประมาณ ต่อไป
นอกจากนั้น กพอ. ได้รับทราบ ความก้าวหน้าการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ปัจจุบัน สกพอ. ได้ขับเคลื่อนให้เกิดการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ รวม 46 แห่ง (รวมที่อยู่ในระหว่างรอเสนอ ครม. เพื่อทราบ 7 แห่ง) แบ่งเป็น รูปแบบนิคมอุตสาหกรรม 32 แห่ง รูปแบบเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ 9 แห่ง และรูปแบบที่เอกชนขอจัดตั้งเพื่ออุตสาหกรรมหนึ่งอุตสาหกรรมใดโดยเฉพาะ 5 แห่ง การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจรของ สกพอ. (EEC-OSS) ที่สามารถให้บริการแล้วมากกว่า 50 รายการคำขอ ครอบคลุมการขอจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ การขอรับสิทธิประโยชน์ และการขออนุมัติอนุญาตตามกฎหมายได้ 7 ฉบับ

