
5 พ.ย. 2568- จากกรณีครม.เศรษฐกิจไฟเขียวซื้อหนี้ NPL จากแบงค์ 4.76 ล้านบัญชี รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า นโยบายซื้อหนี้รายย่อยมองผิวเผินอาจเป็นไปเพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่ความจริงแล้วจะนำมาซึ่งหายนะทางเศรษฐกิจ
ประการแรก การปรับโครงสร้างหนี้โดยสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ลดเงินต้น ยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด การปิดบัญชีและตัดเป็นหนี้สูญ ฯลฯ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลประกอบการของสถาบันการเงินของรัฐแต่ละแห่ง ทำให้ในที่สุดประชาชนทุกคนทั้งที่เข้าร่วมและไม่ได้เข้าร่วมโครงการต้องร่วมกันรับผิดชอบผ่านการจ่ายภาษี นอกจากนี้ ยังส่งผลให้หนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ประการต่อมา โครงการนี้ประมาณ 60% เป็นการช่วยลดหนี้เสียให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเอกชน เพื่อให้มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าเดิม อย่างไรก็ดี ผู้บริหารประเทศต้องตระหนักว่า การกู้เป็นสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ เมื่อเจ้าหนี้ให้สินเชื่อโดยหวังกำไรจากดอกเบี้ย ก็ต้องพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้าแทรกแซง
"เมื่อพิจารณาปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น มาจากการที่สถาบันการเงินส่งเสริมให้ลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ตนเอง โดยไม่ต้องมีหลักประกัน สอดคล้องกับผลการสำรวจโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่พึ่งเปิดเผยเมื่อปลายเดือนกันยายนพบว่า หนี้ส่วนใหญ่ถึง 46.8 % เป็นหนี้บัตรเครดิต บทสัมภาษณ์เผยแพร่โดยธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า คนไทยในปัจจุบันมีพฤติกรรมเป็นหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย ประชาชนบางส่วนมีหนี้เสียจากการใช้จ่ายเกินตัวในเรื่องอุปกรณ์แต่งรถ การท่องเที่ยว ฯลฯ"
รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวว่า การที่รัฐบาลมีนโยบายซื้อหนี้จากธนาคารพานิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน ทำให้ประชาชนย่อมคาดหมายว่า พรรคการเมืองจะชูนโยบายซื้อหนี้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เช่น วันที่ 4 พ.ย. 68 หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ชูนโยบายล้างหนี้สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้าแล้ว ทั้งหมดนี้ส่งผลให้คนที่มิได้เป็นหนี้ หรือเป็นหนี้ในจำนวนที่ไม่มาก จะหันมาก่อหนี้เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์จากความช่วยเหลือตามนโยบายของรัฐเต็มจำนวน ในขณะที่สถาบันการเงินก็จะยิ่งปล่อยให้ลูกค้ารายใหม่เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้จะซ้ำเติมปัญหาหนี้ครัวเรือน ตลอดจนปัญหาทรัพยากรมนุษย์ที่ไม่มีคุณภาพและไร้ความรับผิดชอบของประเทศให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนท้ายที่สุดอาจจบลงด้วยวิกฤติเศรษฐกิจครั้งร้ายแรง การล้มลงของสถาบันการเงินจำนวนมาก ดังเช่นเหตุการณ์ The Great Depression ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสาเหตุสำคัญประการหนึ่งจากการปล่อยกู้อย่างหละหลวมของสถาบันการเงิน
"รัฐบาลกำลังทำนโยบายประชานิยม ท้ายที่สุดจะนำมาซึ่งวิกฤติของสถาบันการเงิน และหายนะของประเทศในอนาคต" รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วิเคราะห์ 'อนุทิน' ท้าทายฝ่ายค้าน ประกาศ 12 ธ.ค.ยุบสภา 3 พรรคได้เปรียบ อีก 2 ยังไม่พร้อม
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหา ระบุว่า 12 ธ.ค.ยุบสภา ใครได้ใครเสีย
เปรียบเทียบข้อเรียกร้อง-ความเห็น 2 นักวิชาการ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
หนี้ครัวเรือนคือปัญหาใหญ่ของประเทศ
หนี้ครัวเรือนของคนไทยในปัจจุบันมีมากถึง 1.62 ล้านล้านบาทโดยผลการศึกษาล่าสุดของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยผลสำรวจว่าหนี้ครัวเรือนไทยมีจำนวน 740,596.94 บาทต่อครอบครัวเพิ่มขึ้นถึง 22% ถือว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ4 ปี โดยกว่า 95% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามของกลุ่มตัวอย่างรับว่าครอบครัวมีหนี้
'บัตรเครดิต กรุงศรี’ตั้งเป้าปี69บัตรใหม่ 215,000 บัญชี โต 5%
กรุงศรีคอนซูมเมอร์ เดินเกมรุกปรับกลยุทธ์หวังรักษาฐานลูกค้ากระตุ้นการใช้จ่าย พร้อมตั้งเป้าปี 69 ออกบัตรใหม่ให้ได้ 215,000 บัญชี หรือเติบโต 5% ขณะที่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรตั้งเป้าอยู่ที่ 240,000 ล้านบาท เติบโต 6%
'ชิดตะวัน' แฉเหตุ 'ฮุน เซน' กล้าตบหน้าคนไทยปิดด่าน100ปี จี้นายกฯปิดด่านอย่างเด็ดขาด
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง **ปิดด่าน 100 ปี...พลีชาติเพื่อชีพ?!** มีเนื้อหาดังนี้


