'เอ็กซิมแบงก์' จ่ออัดซอฟท์โลนพันล้านอุ้มแดนใต้ ปักธงปี69ปั๊มยอดลูกค้าส่งออกSMEโตเพิ่ม10%

‘เอ็กซิมแบงก์’ ลุยเข็นมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือลูกค้าอ่วมน้ำท่วมใต้ สั่งขยายตั๋วส่งออก-เงื่อนไขการชำระ ป้องกันผลกระทบด้านเครดิตบูโร พร้อมเตรียมอัดซอฟท์โลน 1,000 ล้านบาท เคาะดอกเบี้ย 1.99% ช่วยรายกลุ่มอุตสาหกรรม ปักธงปั๊มยอดลูกค้าส่งออกกลุ่มเอสเอ็มอีปี 69 โตอีก 10% เดินหน้าขยายตลาด ผุดบริการวิเคราะห์ก่อนส่งออกช่วยเสริมแกร่งลูกค้า

26 พ.ย. 2568 – นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ เอ็กซิมแบงก์จึงได้เร่งออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยเบื้องต้นได้มีการขยายตั๋วส่งออก และขยาย-ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเรื่องการชำระต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบในเรื่องเครดิตบูโร เพื่อช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบันที่กิจการดำเนินต่อไปไม่ได้ในขณะนี้

นอกจากนี้ ได้เตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงินรวม 1,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี สำหรรับให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในพื้นที่ ส่วนเงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ยังอยู่ระหว่างการเร่งพิจารณา เบื้องต้นจะมีการขอข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ เพื่อแบ่งผลกระทบออกตามกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนัก ก็อาจจะมีการพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น รายละเอียดทั้งหมดอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ

ขณะเดียวกัน ในช่วง 6 เดือนหลังจากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ เอ็กซิมแบงก์จะเร่งพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยในระยะดังกล่าวมองว่ามาตรการสินเชื่อหมุนเวียนอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ อาจจะต้องมีสินเชื่อเพิ่มเติมด้วย เพราะหลังจากนั้นจะเป็นปัญหาเรื่องการซ่อม สร้าง เสริม และปรับเปลี่ยน หลังจากที่กิจการเดินไม่ได้มาระยะหนึ่ง

“แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะส่งผลกระทบกับลูกค้าของธนาคารจนกิจการเดินต่อไม่ได้ แต่เราไม่ได้มองหรือกังวลว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะหลายเป็นหนี้เสีย และเอ็กซิมแบงก์ได้เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง และพยายามช่วยลูกค้ากอบกู้สถานการณ์ให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง จึงขอยืนยันว่าประเด็นเรื่องหนี้เสียเป็นเรื่องรอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ตอนนี้เอ็กซิมแบงก์เน้นการดูแลลูกค้าเป็นหลักก่อน” นายชลัช กล่าว

สำหรับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ นั้น กรรมการผู้จัดการเอ็กซิมแบงก์ ระบุว่า ยอมรับว่าในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้การส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐฯ ชะลอตัวลงบ้าง โดยโจทย์สำคัญของเอ็กซิมแบงก์คือการพยายามสนับสนุนและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกค้าบางกลุ่มในการเร่งส่งออกในตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ รวมทั้งจากนี้เอ็กซิมแบงก์จะมีบริการในการวิเคราะห์รายละเอียดการส่งออก เพื่อแจ้งเตือนกับลูกค้าในแต่ละธุรกรรมการส่งออกว่าจะมีกำไร หรือไม่ ซึ่งเอ็กซิมแบงก์จะเป็นธนาคารแรกที่เริ่มดำเนินการบริการดังกล่าวนี้

ทั้งนี้ ในส่วนของเป้าหมายการดำเนินงานของเอ็กซิมแบงก์ในปี 2569 ธนาคารจะเน้นการเพิ่มปริมาณจำนวนผู้ส่งออกเอสเอ็มอีของไทยให้เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น 10% จากปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มดังกล่าวอยู่ราว 5,000 ราย และจากข้อมูลในระบบ มีผู้ประกอบการในภาคส่งออกอยู่ราว 27,000 ราย ตรงนี้ถือเป็นโจทย์สำคัญของเอ็กซิมแบงก์ที่จะต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งในส่วนนี้จะไปสอดคล้องกับปริมาณสินเชื่อที่ธนาคารจะปล่อย

“เป้าหมายสินเชื่อในปี 2569 จะล้อและผูกพันไปกับปริมาณของผู้ส่งออกในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ธนาคารจะเร่งผลักดันให้ส่งออกได้มากขึ้นราว 10% ตรงนี้เป็นหลักและเป้าหมายใหญ่ของธนาคาร ดังนั้นเอ็กซิมแบงก์ก็ต้องมาดูว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อให้กลุ่มเอสเอ็มอีสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น แม้เราจะไม่ใช่ธนาคารใหญ่ แต่เรามีศักยภาพในการส่งเสริมผู้ประกอบการในภาคส่งออก โดยผ่านกลไกสินเชื่อเพื่อการส่งออกของเอ็กซิมแบงก์” นายชลัช กล่าว

อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2568 เอ็กซิมแบงก์ ร่วมกับโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จัดงาน ‘SMEs Export Studio Fair 2025 : From Local Style to Global Smile’ เพื่อยกระดับผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สร้างอัตลักษณ์แบรนด์ไทย พร้อมวางแผนการตลาด เพื่อรุกตลาดส่งออกได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โดยเอ็กซิมแบงก์พร้อมเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน ผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ และกรมธรรม์ประกันความเสี่ยงจาการไม่ได้รับชำระเงินจากคู่ค้าต่างประเทศ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 300,000 บาท