อินโนบิก รีแบรนด์ใหญ่ จ่อขยายพอร์ตธุรกิจยา เพิ่มนวัตกรรมขึ้นแท่นผู้นำระดับอาเซียน พร้อมวางแผนซื้อกิจการจากกลุ่มประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนามและฟิลิปปินส์ แต่งตัว 3-5 ปีดันเข้าตลาดหลักทรัพย์
26 พ.ย. 2568 – นายบุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยภายหลังการจัดงาน Innobic Life Science Business Excellence Move Forum ว่า การจัดงานดังกล่าวนับเป็นการเร่งเครื่องปรับแบรนด์ครั้งใหญ่ของบริษัท อินโนบิก(เอเชีย) จำกัด เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่วางไว้ในอีก 5 ปีข้างหน้าโดยให้ความสำคัญและโฟกัสในเรื่องธุรกิจยามากขึ้น จึงมีการรีแบรนด์ดิ้งโดยการปรับอัตลักษณ์ทั้งหมด ปรับโลโก้ และยกระดับกลยุทธ์และปฏิบัติการเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็น ผู้นำทางด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต(Life Science) และ ผู้นำทางด้านนวัตกรรมรองรับการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน
ทั้งนี้ มีเป้าหมายหลักในการดำเนินงานคือการรับรู้ในวงกว้าง และมีแผนการดำเนินการในส่วนต่างๆ ดังนี้ 1. ธุรกิจยา ขยายพอร์ตฟอลิโอให้ครอบคลุมโรคสำคัญ เช่น โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด, เมทาบอลิก, และ โรคมะเร็ง ต้องการมีผลิตภัณฑ์ยาที่ครอบคลุมในด้านเหล่านี้ และ 2. ธุรกิจโภชนาการเพื่อสุขภาพ ต้องการมีผลิตภัณฑ์ที่มี นวัตกรรมมากขึ้นมองหาพันธมิตรที่จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการขาย เพื่อขยายกิจการตลาดโภชนาการ เนื่องจากเป็นตลาดที่เติบโตมาก และผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองและป้องกันมากขึ้น โดยมีการขยายในภูมิภาคซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตนอกเหนือจากประเทศไทยไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, และฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจะขยายในรูปแบบออร์แกนิกและการควบรวมและซื้อกิจการ(M&A) ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาโอกาส
“ในระดับภูมิภาคเราวางตำแหน่งตัวเองให้เป็น Regional Commercial Platform หรือ ศูนย์กลางของความร่วมมือและการเติบโตในอุตสาหกรรมทางสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใน 5-10 ปีข้างหน้า โดยจะใช้ประสบการณ์และความรู้ ที่มาจากการเข้าลงทุนในบริษัทข้ามชาติและบริษัทระดับโลก อย่างบริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยพัฒนาผลิตและจำหน่ายยาของไต้หวัน ที่มีตลาดครอบคลุมในทุกภูมิภาคของโลก โดยจะนำมาปรับใช้เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ภายใต้สโลแกนและวิสัยทัศน์ใหม่คือ Access to Excellent Life ให้คนทั้งในประเทศและในภูมิภาค สามารถดูแลรักษาสุขภาพได้ง่ายกว่า เร็วกว่า และดีกว่า”นายบุรณิน กล่าว
นายบุรณิน กล่าวเพิ่มเติมว่าในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้าหากมีการลงทุนขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างการรับรู้และการยอมรับได้ในประเทศจะสามารถ ก็อาจจะมีการพิจารณานำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) หรือระดมทุนในด้านอื่น ๆ แต่จะไม่มีเพิ่มทุนอีกแล้ว ต้องบริหารให้สามารถเติบโตด้วยเงินของตัวเอง หรือการกู้ยืม โดยที่ผ่านมาได้มีการบริหารกระแสเงินสดของบริษัทให้อยู่ในกรอบ 1,000-2,000 ล้านบาทเพื่อนำมาบริหารจัดการการดำเนินงาน
