
รฟท.ลงพื้นที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ ตรวจความเสียหายจากเหตุอุทกภัย เร่งซ่อมทาง – ระบบอาณัติสัญญาน 14 ธ.ค.นี้ พร้อมเปิดให้บริการเส้นทาง ชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก
1 ธ.ค.2568-นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ลงพื้นที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมผู้บริหารส่วนกลาง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อสำรวจผลกระทบจากอุทกภัย ตรวจสอบความเสียหายของเส้นทางรถไฟ และติดตามความคืบหน้าในการฟื้นฟูสภาพทางและระบบอาณัติสัญญาน เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดเดินรถได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
นายอนันต์ กล่าวว่า หลังระดับน้ำในพื้นที่เริ่มลดลง การรถไฟฯ ได้สั่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายการช่างโยธา และฝ่ายการอาณัติสัญญาณฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพทางและระบบอาณัติสัญญาณที่ได้รับความเสียหายอย่างละเอียด โดยในช่วงระหว่างสถานีบ้านต้นโดน – สถานีชุมทางหาดใหญ่ พบความเสียหาย 9 จุด อาทิ คันทางรถไฟถูกน้ำกัดเซาะจนขาด หินโรยทางสูญหาย และอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวรางชำรุดจากแรงน้ำกัดเซาะ
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่ด้วยตนเองและประเมินสถานการณ์ ได้กำชับให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการซ่อมแซมทาง เสริมความมั่นคงของคันทาง ปรับปรุงสภาพราง และตรวจสอบอุปกรณ์ด้านการเดินรถ ระบบอาณัติสัญญาณให้กลับมาพร้อมใช้งาน 100% เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการเดินรถได้โดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะสามารถซ่อมปรับปรุงเส้นทางที่ชำรุดเสียหาย (งานโยธา) ให้ขบวนรถสามารถกลับมาเดินได้ถึงสถานีชุมทางหาดใหญ่ ภายในวันที่ 7 ธันวาคม 2568 และในวันที่ 14 ธันวาคม 2568 คาดว่าจะสามารถ เปิดให้บริการเดินรถในเส้นทางชุมทางหาดใหญ่ – สุไหงโกลก ได้ตามปกติอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นอกจากการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานแล้ว การรถไฟฯ ยังเตรียมดำเนินการ Big Cleaning ในพื้นที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ เพื่อทำความสะอาดบริเวณสถานี ล้างโคลน ดูแลพื้นที่สำหรับให้บริการผู้โดยสาร และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมหลังระดับน้ำลดลง ให้สามารถกลับมาพร้อมรองรับผู้โดยสารได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ซึ่งจัดทำขึ้นโดยกองทุนส่วนกลางการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อนำมาให้กับพนักงาน และประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น และเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง และยืนยันว่าจะเร่งฟื้นฟูสภาพทาง ระบบอาณัติสัญญาณ และบริเวณสถานีอย่างเต็มกำลัง พร้อมดูแลประชาชนและบุคลากรในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การเดินรถบนเส้นทางสายใต้กลับมามีความปลอดภัยและพร้อมเปิดให้บริการโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ การรถไฟฯ จำเป็นต้องปิดทาง เพื่อดำเนินการซ่อมแซม และฟื้นฟูสภาพทางรถไฟที่ได้รับความเสียหาย เพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว พร้อมแจ้งปรับเปลี่ยนขบวนรถ จำนวน 6 ขบวน และงดเดินขบวนรถอีก 4 ขบวน เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้อย่างปลอดภัยสูงสุด ตั้งแต่วันนี้ – 6 ธันวาคม 2568 ดังนี้.ขบวนรถปรับเปลี่ยนต้นทาง – ปลายทาง จำนวน 6 ขบวน 1.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – สุไหงโกลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) ปรับเปลี่ยนเส้นทางให้บริการเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์ – พัทลุง – กรุงเทพอภิวัฒน์ (ไม่มีขนถ่าย) ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 38 จะออกจากสถานีต้นทางในวันที่ 2 ธันวาคม 2568
2. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45/46 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ปาดังเบซาร์ – กรุงเทพอภิวัฒน์) ปรับเปลี่ยนเส้นทางให้บริการเป็น กรุงเทพอภิวัฒน์ – พัทลุง – กรุงเทพอภิวัฒน์ (ไม่มีขนถ่าย) ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 46 จะออกจากสถานีต้นทางในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 3. ขบวนรถเร็วที่ 169/170 (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ยะลา – กรุงเทพอภิวัฒน์) ปรับเปลี่ยนการให้บริการเป็นเส้นทาง กรุงเทพอภิวัฒน์ – พัทลุง –กรุงเทพอภิวัฒน์ ขบวนรถเร็วที่ 170 จะออกจากสถานีพัทลุง ในวันที่ 2 ธันวาคม 2568 สำหรับขบวนรถงดเดิน จำนวน 4 ขบวน 1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31/32 (กรุงเทพอภิวัฒน์-ชุมทางหาดใหญ่-กรุงเทพอภิวัฒน์) 2. ขบวนรถเร็วที่ 171/172 (กรุงเทพอภิวัฒน์-สุไหงโกลก-กรุงเทพอภิวัฒน์)
ส่วนประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้าในเส้นทางดังกล่าว หากไม่ประสงค์เดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มราคาที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ พร้อมแนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบข้อมูลการเดินรถก่อนออกเดินทางผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ของ รฟท. ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบเวลาและตำแหน่งขบวนรถแบบเรียลไทม์ได้ทาง https://ttsview.railway.co.th/v3/floodingNST/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ และศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ โทร. 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%


