
เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน สรุปแนวนโยบายของพรรคประชาชนที่เป็นเข็มทิศในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า คือ “สร้างประเทศไทยที่ไม่มีสีเทา – เท่ากัน – ทันโลก” เปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ – “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล – อ.ต้น – นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เห็นแล้วก็เกิดคำถามว่า “มีแค่นี้เอง…จริงๆหรือ ?” และ จะเตรียมใช้งบฯ 192,000 ล้านบาท ตามธนาธร เป็นแบบ “ส้มเทา” จริงๆ หรือ ?
แคนดิเดต 1 : คุณ เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ บอกว่า จะทำหน้าที่หลักคือ ปราบเทา แต่อาจยังใช้วิธีแบบ “ส้มเทา” ? ทำไม…โรม และ วิโรจน์อภิปรายในสภาฯ ปิดหน้าทักษิณ เปิดหน้าแต่ธรรมนัส ทั้งๆที่คุยเรื่อง เครื่องบินเจ็ทไปดูไบ จัดการโดยเบน สมิท ให้ทักษิณ ! โชว์ภาพที่ เบน สมิธ เจอ ทักษิณ ที่ร้านอาหาร จี้ แต่ธรรมนัส กับ อนุทิน แต่ไม่เอ่ยชื่อ ทักษิณ เลย
หลานอุ๊งอิ๊ง-อังเคิลฮุนเซน มองแม่ทัพไทยว่าเป็นคนละฝั่งกัน ก็ไม่เคยแตะ ทักษิณบอกแบ่งทรัพยากร 50/50 ในพื้นที่ทับซ้อนอ้างแบบกัมพูชาผิดกติกาโลก ประกอบข่าวทุนเทาจ้องฮุบบางจากฯ ส้มก็ไม่แตะทักษิณ
ย้อนไปดูคลิปตั้งแต่ธนาธรเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ ยังปกป้องทักษิณ บอกว่า “ใช้กระบวนการผ่านคณะกรรมการที่รัฐประหารจัดตั้ง (คือ คตส.)” แต่ไม่พูดถึงหลักฐานแม่ปลอมหนี้ลูก 3,000 ล้านบาท เป็นทางผ่านคืนปันผลหุ้นชินฯ ซึ่งแม่ลูกเป็นคนทำ คตส. ไม่ได้ทำ แต่นำหลักฐานมาแสดงต่อศาล และ ครอบครัวชินฯ ก็แก้ความไม่ได้
ที่ธนาธร อยู่เคียงข้างทักษิณในเรื่องนี้ เพราะ เรื่องวีลักของตนเองก็คล้ายฯ มีหลักฐานกระทรวงพาณิชย์ว่า ยังเป็นเจ้าของวีลัก ก็โชว์สัญญาซื้อขายหุ้นว่ามีแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียน โชว์เช็คเซ็นแล้ว แต่ไม่เข้าบัญชี ? นิติกรรมอำพรางทำได้ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ มีโอกาสเรื่องใหญ่ๆจะไม่ทำหรือ ?
บอกว่า ยิ่งลักษณ์ถูกตัดสินว่าผิด “ทางเทคนิค” จริงหรือ การเอื้อการทุจริตตลอดกระบวนการ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ จนถึงขายข้าวรัฐต่อรัฐปลอม นโยบายผลาญชาติเอาเสียงตัว รับจำนำราคาสูงจนเป็นการรับซื้อข้าวเกินกลไกตลาด ทำให้มีแต่ข้าวเพิ่มเกินข้าวระบายทุกปี มีข้าวรั่วไหล สต็อกปลอมยัดไส้นั่งร้าน ฯลฯ ธนาธรก็ยังช่วยอยู่เคียงข้าง มันก็เป็น “ส้มเทา” มาตลอด
เก่งดรามา แต่ทำงานแบบ เทาๆ ไม่เอาให้สุด จึงไปไม่ถึง อดีตรัฐมนตรีคลัง-บางจาก-บีซีพีจี การขายหุ้นเจาะจง เพียง 2 สถาบัน คือ Capital Asia Investment กับ Pilgrim ที่ต่อมา มีหลักฐานแสดงความเชื่อมโยงกลุ่มสแกมเมอร์ แต่ไม่มีกองทุนแบบ กบข. ประกันสังคม ร่วมซื้อหุ้นเลย เรื่องเหล่านี้ ตอนนั้น บีซีพีจี มีใครเป็นประธาน ส้มก็ควรจะสืบรู้ได้ แต่ไปไม่สุด ดีที่มีทีม “เปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา” ของพรรคประชาธิปัตย์ เอาจริง ไม่เกรงใจใคร ทำงานแบบ “ฟ้าใส” ล้างสแกมเมอร์ไม่กลัวสะดุดใคร ส่งหลักฐานจนหน่วยงานภาครัฐทำงานต่อได้อย่างจริงจัง
แคนดิเดต 2 : คุณ ไหม ศิริกัญญา มือ 1 เศรษฐกิจทีม ที่หัวหน้าพรรคต้องเกรงใจ แต่ไร้ประสบการณ์ที่จะเทียบพรรคคู่แข่งได้เลย แต่มีประสบการณ์สุดท้ายแค่ senior consultant บริษัท ดิ แอดไวเซอร์ จำกัด ปี 2560-2561 เป็นผู้บริหาร ก็ไม่ใช่ระดับสูง บริษัท ดิ แอดไวเซอร์ ก็ทำกำไรได้เพียง 3.06 ล้านบาท ในปี 2560 และ 1.72 ล้านบาท ในปี 2561 เท่านั้น แล้วจะเทียบกับมือเศรษฐกิจ อย่างคุณ กรณ์ จาติกวณิช ได้หรือ ?…คุณกรณ์ เป็นถึงผู้บริหารอันดับ 1 ในประเทศไทย ของธนาคารใหญ่ของโลก ในสหรัฐฯ มีผลงานร่วมกับนายกฯอภิสิทธิ์ โดดเด่น ฟื้นประเทศหลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ จนโลกยกย่องคุณกรณ์ เป็นรัฐมนตรีคลังโลกแห่งปี 2011
ศีริกัญญา อภิปรายในสภาฯ ดุนายกฯอนุทิน ในวันอภิปรายงบฯ ว่า “ให้มายุบสภาฯ ไม่ใช่มาแจกคนละครึ่ง” ก็สะท้อนความไม่สนใจปัญหาประชาชน สนแต่พรรคประชาชนจะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ หรือเป็นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ “ต้านโกง” ได้มากเกินไป ทำให้ไม่พร้อมจะเอื้อ “เมกะโปรเจกต์สีส้ม” นำโดยธนาธรได้เต็มที่ หากอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับต้านโกงนี้
แคนดิเดต 3 : อ.ต้น – นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร นักวิชาการ ที่ไร้ชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมาก่อน ไร้ประสบการณ์ทำงานจริง แต่เข้ามาพรรคส้ม เพราะ ธนาธรชวนมาทำงานพรรค เพราะความสัมพันธ์เช่นนั้นหรือไม่ ? ทำให้มองไม่ออกว่า โครงการจะเอางบ 192,000 ล้านบาท ทำ smart grid ซึ่งคิดเป็น 30% ของทั้งหมด 627,000 ล้านบาท นั้น จะไม่ได้ประโยชน์ต่อประเทศคุ้มค่า อาจจะทำให้ค่าไฟฟ้าแพง หรือ ต้องใช้งบประมาณภาครัฐอุ้ม ที่สุดแล้ว อาจเป็นการเอื้อเอกชนกลุ่มผลิตชิ้นส่วนฯเท่านั้น เป็นความคิดเมกกะโปรเจค ที่ไม่ต่างกับ ดิจิตอลวอลเล็ท หรือ เอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ในการทำโครงการภาครัฐเอื้อธุรกิจผู้เกี่ยวข้องเลย
พรรคส้มโชว์แคนดิเดตนายกฯแค่นี้ ไม่ให้เกียรติประชาชน ผลโพลล่าสุดภาคใต้ จึงได้สะท้อนความเสื่อมศรัทธาเป็นขาลงต่อพรรคประชาชน และ แสดงศรัทธาขาขึ้นต่อพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจน
พรรคประชาชนนำเอา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มาแสดงวิสัยทัศน์ สอดรับกับแนวทาง “ทันโลก” หวังให้รัฐบาลสนับสนุนกิจการไทยทำชิ้นส่วน อินเวอร์เตอร์ แบตเตอรี่ Battery Energy Storage System (BESS) ฯลฯ ชูเป็นอุตสาหกรรมที่ให้ผลิตในประเทศไทย ขายฝันว่า จะสร้างงานนับแสน ไม่ต้องเสียเงินให้คนจีน
โครงการนี้ ต้องลงทุนสูงมาก ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน และ เทคโนโลยีอนาคตเท่าที่เห็นกัน มันก็ยังไม่คุ้มค่า ! ประชาชนHousehold ผลิตไฟฟ้า ก็ทำเป็นอย่างเดียวคือ ติดโซลาร์บนหลังคา หรือ บนที่ดิน ทุกคนอยากขายพร้อมๆกันตอนกลางวัน แล้วระบบส่งไฟฟ้า (grid) รับไหวหรือ ? ตอนนี้ (1) กำลังการผลิตไฟฟ้ากลางวันก็เริ่มเกิน demand อยู่แล้ว การจ่ายจำนวนมากพร้อมๆกัน จะเป็นปัญหา Curtailment แบบเวียดนามหรือไม่ ? เอกชนผลิตแต่ขายไฟฟ้าไม่ได้จริง แต่ไฟฟ้าดับบ่อยช่วงไม่มีแดด (2) ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลายแห่ง ต้องลดการผลิตเวลากลางวัน ใช้งานไม่เต็มที่ และ ต้องเร่งเครื่องรองรับความต้องการไฟฟ้าช่วงค่ำ เป็นปัญหาแบบ California เลย ทำให้ค่าไฟฟ้าแพง (3) ที่ผ่านมา มีการลงทุนรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ละปริมาณมาก ก็ยังเป็นการลงทุนสูง การจะให้การไฟฟ้ารับซื้อจากรายย่อยๆก็จะยิ่งแพงขึ้นมาก (4) เพราะ รายย่อยก็ไม่ได้ซื้อของได้ถูก (5) รายย่อยผลิตส่วนเกินก็ได้แต่กลางวัน ทั้งที่บ้านเมืองต้องการไฟฟ้าที่ไม่พอเป็นช่วงค่ำๆ (6) แบตเตอรี่ก็คิดกันมานานนับ 10 ปี ก็ยังแพงอยู่ เทคโนโลยีแบตเตอรี ก็พูดกันมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล โอบาม่า ที่สุด แม้สหรัฐฯ ก็ยังสู้จีน หรือ ไต้หวันไม่ได้ แล้วธนาธรจะให้ไทยเราจะปิดกั้น ไม่ให้ประเทศซื้อของถูกที่มีในโลก เพื่อเอื้อธุรกิจในประเทศ แล้วภาระของที่แพงขึ้นเป็นของใคร ? ผู้ใช้ไฟฟ้าหรือ ? เราก็อยากเห็นต้นทุนไฟฟ้าไทยแข่งขันได้ไม่ใช่หรือ ? หรือจะให้เอาภาษีของคนไทยไปรับ ? เป็นการเอาภาษีประชาชน เอื้อกลุ่มธุรกิจเอกชน แบบ ธุรกิจการเมืองหรือไม่ ?
ความคิดเอาเงินชาติร่วม 2 แสนล้าน เอื้อกลุ่มชิ้นส่วนเครื่องยนต์ อิเลกโทรนิกส์ จะเป็นส้มเทาไหม ?
พรรคประชาชน ยังเดินตามเถ้าแก่ ผู้ก่อตั้งพรรค ก็น่าสงสัยว่า จะเป็น “ส้มเทา” แล้วจะต่างกับ “รัฐบาลตระกูลชินวัตร” อย่างไร ? โครงการแบบอุ้มเอกชน ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจส่วนตัวของครอบครัวธนาธร เจ้าของกลุ่มกิจการชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ! (ซึ่งตอนหาเสียงก็เคยโอ้อวดว่า ในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนประกอบรถยนต์นี้ ใครจะรู้ดีเท่าธนาธร !)
ความคิดแบบ “นักธุรกิจการเมือง” แค่นี่ ก็จะนำพาประเทศเหมือนที่นโยบายที่ผิดพลาดของมาเลเซีย ที่เอื้อรถโปรตรอน เป็นรถแห่งชาติ ตอนนั้น ไทยเดินถูกทาง โดยไม่สร้างรถของไทยเอง แต่ขอเป็น “ฮับการผลิต” ทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่น เยอรมัน จีน ประสบความสำเร็จกว่ามาก รัฐบาลมาเลเซียในที่สุดขาดทุน ต้องขายกิจการออกไปถูกๆ เพราะ แข่งขันไม่ได้
หลักวิชาการอย่างนี้ แคนดิเดต 3 อย่าง อ.ต้น ก็ไม่สามารถอธิบายชี้แจงให้ ธนาธร เข้าใจได้ แคนดิเดต 2 ไหม ก็ไร้ความรู้ ประสบการณ์ที่จะคิดต้านทาน และ แคนดิเดต 1 เท้ง ไม่เอาเทา แต่เตรียมเอางบ 8 ปี 192,000 ล้านบาท อาจเป็นการเอื้อธุรกิจครอบครัวผู้ก่อตั้ง ทำให้ที่พรรคส้มบอกว่า “มีส้ม ไม่มีเทา” เป็นเพราะ ตัวเอง เป็น “ส้มเทา” หรือไม่ ?
ไทยทน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ
"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568


