ส.อ.ท.ลั่นไม่แปลกใจที่ “อนุทิน”ยุบสภาฯ แต่ห่วงข้าราชการปล่อยเกียร์ว่าง นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอืด หวังปลัดทุกกระทรวงจะเดินหน้าขับเคลื่อนงานที่ค้างคา เร่งแก้3ปัญหาใหญ่งเยียวยาน้ำท่วมใต้ ปัญหาชายแดน และการเจรจากับสหรัฐฯ
12 ธ.ค. 2568 - นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่ากรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2568 นั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตกใจหรือแปลกใจแต่ประการใด เนื่องจากนายกรัฐมนตรี เคยส่งสัญญาณและพูดถึงเงื่อนไขไว้แล้ว หลายฝ่ายมีการคาดการณ์ถึงช่วงเวลาการยุบสภาไว้ถึง 3 ระยะ และช่วงเวลานี้ถือเป็นระยะที่หนึ่งที่ใกล้ที่สุดตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยที่โครงสร้างมีความเปราะบางนี้ ได้อยู่บริหารประเทศเต็มที่ประมาณ 2 เดือนกว่า และยุบสภาเร็วกว่ากำหนดประมาณเดือนกว่า
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เกิดความแปลกใจเล็กน้อยคือการที่ "พรรคประชาชน" เป็นฝ่ายยื่นเรื่องยุบสภา แทนที่จะเป็นพรรคเพื่อไทยตามที่เคยมีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า การยุบสภาครั้งนี้ มาจากการที่พรรคประชาชนไม่พอใจและถือว่าเป็นการผิดข้อตกลง MOA ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีการประสานและแจ้งไปยังพรรคประชาชนว่าให้คงอำนาจของวุฒิสภา (สว.) ไว้ก่อน ทำให้พรรคประชาชนมองว่าเป็นการฉีก MOA กัน
นายเกรียงไกร กล่าวยอมรับว่า ส่วนตัวมีความกังวลว่า การยุบสภาและเข้าสู่ช่วงรัฐบาลรักษาการที่เป็นเวลาประมาณ 60 วัน อาจส่งผลกระทบต่อความเข้มข้นในการขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจที่จำเป็นต้องใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการพยุงเศรษฐกิจ หรือ GDP ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
ทั้งนี้ มาตรการ "Quick Big Win" ที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวการคลัง ออกมาเพื่อหวังไม่ให้เศรษฐกิจไทยเหมือน "รถติดหล่ม" มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ประกาศว่า GDP ในไตรมาสที่ 3 เหลือเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 0.5% แม้ว่ามาตรการเหล่านี้จะถือว่าทำได้ดีแล้วและได้ผลตอบรับที่ดีในช่วงต้น แต่จำเป็นต้องคอยติดตามว่าการเป็น "รัฐบาลรักษาการ" จะส่งผลอย่างไร และจะลดความเข้มข้นในการเดินมาตรการเหล่านี้หรือไม่
นายเกรียงไกร กล่าวเน้นย้ำว่า ขณะนี้มีปัญหาใหญ่หลายเรื่องที่ยังคง "คาราคาซัง" อยู่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่ปกติ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการขับเคลื่อนจากรัฐบาลอำนาจเต็ม แต่กลับมาอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการ ได้แก่
1. สถานการณ์ภาคใต้ ที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูหลังจากประสบอุทกภัยอย่างหนักทั้ง 9 จังหวัด การที่รัฐบาลเป็นรักษาการอาจส่งผลให้การเร่งฟื้นฟูเกิดความล่าช้าหรือสะดุดไปได้
2. การปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา สถานการณ์การปะทะรอบ 2 ยังคงทวีความรุนแรงและกินบริเวณกว้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้า การท่องเที่ยว และภาคการเกษตรในจังหวัดชายแดนหลายแห่งในภาคอีสาน ทำให้ประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพ และนิคมอุตสาหกรรมบางแห่งต้องหยุดดำเนินการ
3. การเจรจาระหว่างประเทศ ในการเจรจาสำคัญระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ถือเป็น "การบ้านใหญ่" ที่ยังคงค้างและชะลออยู่ หากมีการเจรจาหรือติดต่อจากมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ "โดนัล ทรัมป์" เข้ามาในช่วงนี้ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีข้อจำกัดหรือเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจหรือไม่
นายเกรียงไกร กล่าวว่า รัฐบาลรักษาการและรัฐบาลอำนาจเต็มนั้นไม่เหมือนกัน จากประสบการณ์ในอดีตของไทยพบว่า ทันทีที่รัฐบาลประกาศยุบสภา ข้าราชการประจำส่วนใหญ่มักจะ "ปล่อยเกียร์ว่าง" หรือผ่อนคันเร่งในการทำงานลง เนื่องจากต้องรอจับตาดูสถานการณ์และท่าทีว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลชุดหน้า ทำให้มาตรฐานการทำงานและอำนาจในการสั่งการกับข้าราชการประจำลดลง
"ส.อ.ท. จึงฝากให้ปลัดกระทรวงต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดำเนินการการบ้านที่ค้างอยู่เหล่านี้อย่างเข้มข้นต่อไป ดังนั้น ในช่วงนี้จะต้องจับตาว่านโยบายหรือมาตรการต่างๆ ที่ประกาศและอนุมัติไปแล้วจะมีการขับเคลื่อนได้เต็มที่หรือไม่ อย่างไร เพราะ Quick Big Win ที่ออกมาถือว่าเป็นนโยบายที่จะหนุนเศรษฐกิจในช่วงท้ายของปีที่ดี และยิ่งขณะนี้ประเทศต้องสะดุดในหลายเรื่องจะกระทบ GDP ไทยที่โตช้าไปอีกหรือไม่ อย่างไร"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รทสช. ออกแถลงการณ์ ชี้แก้รัฐธรรมนูญ-ยุบสภา ซ้ำเติมวิกฤตประเทศ
“รวมไทยสร้างชาติ” ออกแถลงการณ์ ชี้ยุบสภาซ้ำเติมวิกฤต ไม่เกิดประโยชน์ประเทศ สะท้อนให้ความสำคัญการเมืองกว่าความเดือดร้อนประชาชน รทสช. พร้อมพาฝ่าขัดแย้ง ส่งผู้สมัครครบ 77 จว.
นักวิชาการ มธ. มองเลือกตั้งหน้า ‘พรรคประชาชน’ โดดเดี่ยว อำนาจต่อรองไหลกลับเพื่อไทย
นักวิชาการธรรมศาสตร์วิเคราะห์ผลจากการยุบสภา ชี้สมการการเมืองหลังเลือกตั้งมีแนวโน้มทำให้พรรคประชาชนโดดเดี่ยว สูญเสียอำนาจต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่บทบาทต่อรองมีโอกาสไหลกลับไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ท่ามกลางการแข่งขันของการเมือง 3 ขั้ว
เศร้า! ณัฐพงษ์ นำแคนดิเดตนายกฯพรรคส้ม แถลงขอโทษภารกิจแก้รธน.ล้มเหลว
'ณัฐพงษ์' นำ 'แคนดิเดตนายกฯ ปชน.' แถลงขอโทษประชาชน ผลักดัน รธน. ไม่สำเร็จ ประกาศพร้อมส่งผู้สมัครครบทุกเขต มุ่งมั่นให้พรรคเติบโตแข็งแกร่ง กำกับทิศทางรัฐบาลหน้า เพื่อเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
'ชัยวุฒิ' ซัดฝ่ายอยากแก้รัฐธรรมนูญ ทำการเมืองไทยเข้าสู่ภาวะชะงักงัน
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหน้าพรรครักชาติ กล่าวภายหลังที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาว่า ผลกระทบจากเกมการเมืองของฝ่ายที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่ได้แก้ในสิ่งที่ต้องการจนนำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าผลลัพธ์คือการที่นายกรัฐมนตรียื่นยุบสภาฯ
'อนุทิน' แจงยุบสภาตามข้อเรียกร้องพรรคประชาชน ยืนยันไม่ได้หนีซักฟอก
"อนุทิน" เตรียมทาบทาม "เอกนิติ-ศุภจี" เป็นแคนดิเดตนายกฯ อย่างเป็นทางการ โต้เพื่อไทยไม่ได้หนีการตรวจสอบ แต่ยังไม่มีการยื่นซักฟอก ย้ำยุบสภาตามข้อเรียกร้องพรรคประชาชน รับ 15 ธันวาคมนี้เปิดตัว “วราวุธ” ซบพรรคสีน้ำเงินอย่างเป็นทางการ
'อภิสิทธิ์' ชี้ยุบสภากระทบชายแดน-ฟื้นฟูน้ำท่วมหยุดชะงัก แปลกใจ ปชน. อยากแก้ รธน. แต่เลือกจบดื้อๆ
"อภิสิทธิ์" ลั่นพร้อมลงสนามเลือกตั้ง แต่เสียดายชิงยุบสภาก่อนแก้ปัญหาชายแดน-น้ำท่วม สับสนฝ่ายต้องการแก้ไข รธน. กลับเลือกเส้นทางให้จบลงแบบนี้ ไม่หวั่นรัฐบาลรักษาการอยู่ยาวลากการเลือกตั้ง เหตุสู้รบชายแดนยืด ชี้อำนาจอยู่ที่ กกต.

