รฟม.ชูญี่ปุ่นโมเดล นำร่องพัฒนาพื้นที่สถานีห้วยขวาง มิกซ์ยูส สถานีรถไฟฟ้าทำหน้าที่มากกว่าจุดโดยสาร แต่เป็นพื้นที่บริการสาธารณสุขรูปแบบใหม่ “Metro–Medical” เริ่มพัฒนาได้จริงภายในปี 2569 เผยหากพื้นที่ต้นแบบประสบความสำเร็จ จะต่อยอดไปยังที่ดินศักยภาพของ รฟม.ในพื้นที่อื่น
การพัฒนาเมืองโดยรอบสถานีรถไฟฟ้า (Transit-Oriented Development) หรือ TOD ถือเป็นหัวใจสำคัญของมหานครชั้นนำทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทย แม้จะมีระบบรางที่ขยายตัวรวดเร็ว ทว่าการพัฒนาเมืองยังติดอยู่กับปัญหา “หลายหน่วยงาน–ต่างบทบาท” ทำให้การบริหารจัดการพื้นที่ขาดเอกภาพ หากสามารถนำต้นแบบจากประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้ได้อย่างลงตัวก็จะช่วยยกระดับคุณภาพเมือง ความสะดวกสบาย และประสบการณ์ของผู้โดยสารได้อย่างมหาศาล
ล่าสุด การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้มีการศึกษาดูงานที่มหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยองค์การพัฒนาเมืองแห่งประเทศญี่ปุ่น หรือบริษัท Urban Renaissance Agency (UR) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาพัฒนาเมืองบริเวณรอบๆ สถานีรถไฟฟ้า เนื่องจากประชากรในประเทศญี่ปุ่นกว่า 60% มักเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเป็นหลัก หากพื้นที่ที่มีรถไฟฟ้าเข้าถึงจะทำให้การพัฒนาเมืองและกิจกรรมต่างๆ มีความน่าอยู่มากขึ้น เช่น การศึกษาระบบราง การบริหารสถานี และโมเดลการพัฒนาเมืองโดยรอบสถานีของ “โตเกียว เมโทร” หนึ่งในองค์กรระบบรางที่ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุดในโลก การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงเปิดมุมมองใหม่ด้านการออกแบบระบบรางและเมือง แต่ยังทำให้ รฟม.ได้มองเห็นแนวทางสร้างรายได้เสริมเข้าองค์กรและยกระดับบุคลากร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ระบบรางไทยก้าวสู่มาตรฐานสากลในอนาคต
มหานครโตเกียวถือเป็นต้นแบบ “ราง–เมือง–พาณิชย์” ที่ผสานทุกส่วนเข้าด้วยกันอย่างลงตัว การเยี่ยมชมพื้นที่พัฒนาขนาดใหญ่ระบบขนส่งสาธารณะระบบราง Takanawa Gateway City ได้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ระบบขนส่งของญี่ปุ่นเข้มแข็งได้ด้วยการมีรายได้เสริมจากการพัฒนาพื้นที่พาณิชย์ได้อย่างลงตัวที่ทำหน้าที่พยุงค่าใช้จ่ายด้านการเดินรถ ทำให้สามารถลดภาระต่อภาครัฐและประชาชนได้อย่างยั่งยืน
โดย นายพัฒนพงษ์ พงษ์ศุภสมิทธิ์ รองผู้ว่าการฝ่ายบริหาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย รฟม. ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบรางและการใช้พื้นที่ของ รฟม.ได้ปรับแก้ไขแล้ว ทำให้สามารถนำพื้นที่ที่มีศักยภาพมาพัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น รายได้ที่เกิดขึ้นจะเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเสริมความแข็งแรงทางการเงิน ลดการพึ่งพาเงินอุดหนุนของรัฐ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าโดยสารของประชาชน เช่น นโยบายค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 40 บาทตลอดวัน
ทั้งนี้จากการศึกษาโมเดลญี่ปุ่น รฟม.ได้จัดทำแผนแม่บทพัฒนา TOD แล้ว เบื้องต้นได้เลือก “พื้นที่ห้วยขวาง–พระราม 9” เป็นพื้นที่นำร่อง เนื่องจากเป็นที่ดินของ รฟม.เอง มีขนาดใหญ่ มีจุดเด่นตั้งอยู่ใจกลางเมือง และเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของโครงข่ายรถไฟฟ้าระหว่าง สายสีน้ำเงินและสายสีส้ม เดิมพื้นที่ดังกล่าวเคยใช้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงสายสีน้ำเงิน แต่ยังมีศักยภาพพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมได้ แม้แผนพัฒนาห้วยขวางจะถูกวางไว้กว่า 10 ปีแล้ว แต่ติดข้อกฎหมายบางประการ จนเมื่อมีการตีความใหม่ว่า พื้นที่สามารถใช้เพื่อ “ประโยชน์ร่วมกัน” ทั้งเพื่อกิจการรถไฟฟ้าและสาธารณะ แผนที่เคยหยุดชะงักจึงสามารถเดินหน้าต่อได้
สำหรับโครงการนำร่องห้วยขวาง รฟม.เตรียมนำเสนอการพัฒนาพื้นที่แบบมิกซ์ยูส โดยให้สถานีรถไฟฟ้าทำหน้าที่มากกว่าจุดโดยสาร แต่เป็นพื้นที่บริการสาธารณสุขรูปแบบใหม่ “Metro–Medical” ที่จะผสานระบบขนส่งกับบริการแพทย์เข้าด้วยกัน โดยโครงการนี้มีความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบอร์ด รฟม. เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบ ซึ่งลำดับต่อไปก็เตรียมเสนอไปยังกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้จริงภายในปี 2569 เมื่อพื้นที่ต้นแบบประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถต่อยอดไปยังที่ดินศักยภาพของ รฟม.ในพื้นที่อื่นต่อไป โดยรูปแบบการลงทุนจะพิจารณาตามลักษณะโครงการ ทั้งการลงทุนเอง ร่วมทุน หรือให้เอกชนเช่าสิทธิ์
อย่างไรก็ตาม นอกจากแนวคิดการพัฒนาเมืองโดยรอบสถานีรถไฟฟ้าแล้ว ภารกิจสำคัญอีกด้านของการเดินทางไปญี่ปุ่นคือ การเยี่ยมชม Tokyo Metro Academy ศูนย์ฝึกอบรมระบบรางที่มีความครบถ้วนทั้งด้านเทคนิค การบริหารเหตุการณ์ และระบบสนับสนุนอื่นๆ รวมถึงการเปิดหลักสูตรออนไลน์ระดับนานาชาติ โดยมีผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) นำคณะเยี่ยมชมศูนย์ฝึกอบรมระบบรางของบริษัท โตเกียว เมโทร จำกัด หรือที่เรียกว่า Tokyo Metro Academy
ได้เยี่ยมชมการบริหารจัดการหลักสูตรถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้าน การเดินรถไฟของบริษัทผู้ให้บริการรถไฟใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในมหานครโตเกียว ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคลากรป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมขนส่งระบบรางได้อย่างมีศักยภาพ โดยปัจจุบัน Tokyo Metro Academy ได้เปิดสอนหลักสูตรออนไลน์เพื่อสามารถรองรับผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้จากทั่วโลก อันสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในองค์ความรู้ด้านการเดินรถไฟของบริษัทเอง ทั้งยังเปิดโอกาสให้ Tokyo Metro Academy ได้กลายเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากทั่วโลกอย่างไร้ขีดจำกัดอีกด้วย
นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยได้มีการจัดตั้งสถาบันฝึกอบรมในลักษณะเดียวกันกับ Tokyo Metro Academy มากว่า 6 ปี โดยใช้ชื่อว่า “ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรระบบราง” ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ รฟม. โดยได้เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2562 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน มีการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียน ซึ่งประกอบด้วย พนักงาน รฟม. และผู้ประกอบวิชาชีพในบริษัทที่ให้บริการด้านระบบขนส่งทางราง ตลอดจนอาจารย์ในสถาบันที่เปิดสอนภาควิชาที่เกี่ยวข้องกับระบบราง ผู้ที่กำลังศึกษาระดับอนุปริญญา หรือบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจศึกษาเกี่ยวกับระบบรถไฟฟ้า ฯลฯ
โดยจะครอบคลุมองค์ความรู้ทั้งด้านการควบคุมรถไฟฟ้า ด้านการควบคุมการเดินรถไฟฟ้า ด้านการซ่อมบำรุง และด้านการจัดการเหตุการณ์ในสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระบบรถไฟฟ้า รวมถึงความรู้พื้นฐานของงานระบบต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องในระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน อาทิ ระบบสถานีรถไฟฟ้า ระบบสื่อสาร ระบบลิฟต์และบันไดเลื่อน เป็นต้น และวิทยากรที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดองค์ความรู้เหล่านี้มีทั้งที่เป็นบุคลากรผู้เชี่ยวชาญของ รฟม.เอง และบางส่วนจากพันธมิตรด้านวิชาการของ รฟม. ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรระบบราง รฟม. มีเป้าหมายให้ผู้สำเร็จหลักสูตรจากศูนย์ฝึกอบรมฯ ของ รฟม.มีความรู้ความสามารถ มีทักษะความชำนาญตามมาตรฐานสากล และสามารถปฏิบัติงานในหน่วยงานผู้ให้บริการในระบบรางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การบริหารจัดการศูนย์ฝึกอบรมฯ สู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาบุคลากรระบบรางที่มีคุณภาพ โดยอาศัยองค์ความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการกับหน่วยงานระบบรางทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดัน รฟม.สู่องค์กรชั้นนําในการขับเคลื่อนระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทาง และเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน ยกระดับมาตรฐานระบบรางของประเทศไทยต่อไป
โดย รฟม.ตั้งใจว่าจะนำแนวทางเหล่านี้มาปรับปรุงศูนย์ฝึกอบรมของไทยให้มีมาตรฐานเทียบเท่าสากล โดยเฉพาะการอบรมพนักงานขับรถไฟฟ้าตามกฎหมายใหม่ที่จะกำหนดให้ต้องมีใบอนุญาตเฉพาะทาง เพื่อให้ผู้ผ่านการอบรมมีทักษะและความพร้อมรองรับการทำงานในระบบรางที่เติบโตอย่างรวดเร็วของประเทศ
แน่นอนว่า การศึกษาดูงานครั้งนี้จึงเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ รฟม.ในการขับเคลื่อนองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายสำคัญ 2 ประการที่เชื่อมโยงกัน คือ การสร้าง “ความยั่งยืนทางการเงิน” ผ่านรายได้จาก TOD และการสร้าง “ความยั่งยืนด้านบุคลากร” ผ่านการยกระดับศูนย์ฝึกอบรมระบบราง ทั้งสองเส้นทางนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพระบบราง และผลักดันประเทศไทยสู่มาตรฐานโลกด้านระบบขนส่งมวลชน
จะเห็นได้ว่า การที่ รฟม.เลือกมหานครโตเกียวเป็นต้นแบบ ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสม เนื่องจากญี่ปุ่นคือประเทศที่มีความผสมผสานระบบรางกับเมืองได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก การถอดบทเรียนครั้งนี้จะเป็นพิมพ์เขียวสำคัญในการปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทไทย สร้างเมืองน่าอยู่ เดินทางสะดวก และวางรากฐานให้ระบบรางไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ็คพอตแตก! นครบาลบุกค้นยานรก เจอรังจีนเทาแทน
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.)

