
‘คมนาคม’ เร่งเครื่อง ‘สนามบินบึงกาฬ’ หนุนเศรษฐกิจชายแดนเชื่อมโยง ‘เวียดนาม – สปป.ลาว – ไทย – เมียนมา’ ดันชงครม. เคาะ ลุ้นตอกเสาเข็มปี72 ปักธงเปิดใช้ปี75 รองรับผู้โดยสารกว่า 1.4 แสนคนต่อปี บูมท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนภาคอีสานตอนบน
26 ธ.ค.2568-นางสาวมัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมทางอากาศที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาจังหวัดบึงกาฬและพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สังคม และเสริมความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมถึงยกระดับศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด
สำหรับท่าอากาศยานบึงกาฬจะเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เชื่อมต่อจากทะเลจีนใต้ ผ่านเวียดนาม สปป.ลาว ไทย และเมียนมา ออกสู่มหาสมุทรอินเดีย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ตลอดจนเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม พบว่าในด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ผลการศึกษาพบว่า โครงการมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ หรือ EIRR อยู่ที่12.66 %และมีอัตราส่วนผลประโยชน์ต่อต้นทุน หรือ B/C เท่ากับ 1.07 สะท้อนให้เห็นว่าโครงการมีความเหมาะสมและคุ้มค่าต่อการลงทุน ทั้งในมิติของเศรษฐกิจและการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว
ด้านนายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน(ทย.)กล่าวว่า โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานบึงกาฬได้เริ่มศึกษาความเป็นไปได้และคัดเลือกตำแหน่งที่ตั้งที่เหมาะสมตั้งแต่ปี2564 ต่อมาในปี 2566 ได้ดำเนินการออกแบบรายละเอียดอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ พร้อมทั้งปรับปรุงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA )ซึ่งปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการเสนอรายงาน EIA โดยได้จัดส่งเอกสารชี้แจงผลกระทบฯ ครั้งที่ 3 แล้ว และมีการประชุมพิจารณารายงานเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 หากขั้นตอนดังกล่าวแล้วเสร็จ จะเข้าสู่กระบวนการเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อพิจารณาอนุมัติและเดินหน้าโครงการในขั้นตอนถัดไป
ทั้งนี้ กรมท่าอากาศยานคาดการณ์ว่า หากโครงการได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2572 และเปิดให้บริการท่าอากาศยานบึงกาฬอย่างเป็นทางการในปี 2575 โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2575 จะมีผู้โดยสารใช้บริการประมาณ 149,172 คนต่อปี มีจำนวนเที่ยวบิน 1,244 เที่ยวบินต่อปี หรือเฉลี่ยประมาณ 4 เที่ยวบินต่อวัน ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับระบบคมนาคมทางอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสร้างโอกาสใหม่ให้กับจังหวัดบึงกาฬในเวทีเศรษฐกิจภูมิภาคและระหว่างประเทศ
สำหรับพื้นที่โครงการทั้งหมดแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนที่ไม่ใช่เขตการบิน หรือ landside จำนวน 2,542 ไร่ และพื้นที่เขตการบิน หรือ airside จำนวน 1,858 ไร่ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นประมาณ 8,196 ล้านบาท และจากผลการศึกษาความเหมาะสม พื้นที่ตั้งโครงการอยู่ในตำบลโป่งเปือย อำเภอโซ่พิสัย และตำบลวิศิษฐ์ อำเภอเมืองบึงกาฬ ห่างจากตัวเมืองบึงกาฬและสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 5 ประมาณ 12 กิโลเมตร และมีระยะห่างจากท่าอากาศยานใกล้เคียง ได้แก่ ท่าอากาศยานอุดรธานี 194 กิโลเมตร ท่าอากาศยานสกลนคร 190 กิโลเมตร และท่าอากาศยานนครพนม 188 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นทำเลที่เหมาะสมต่อการพัฒนาโครงข่ายการบินในภูมิภาค

