
กรมการขนส่งทางบก เริ่มใช้เกณฑ์ตรวจวัดควันดำจากท่อไอเสียใหม่ ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แนะ!!! เจ้าของรถและผู้ประกอบการขนส่ง ตรวจเช็กสภาพรถให้มีค่าควันดำตามเกณฑ์ใหม่ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา PM 2.5
17 เม.ย. 2565 – นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกประกาศกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด ปรับปรุงการกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของรถยนต์ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลด การปล่อยควันดำให้น้อยลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมมลพิษ แก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทรถยนต์ และเป็นไปตามมาตรฐานสากล มีผลบังคับใช้วันที่ 13 เมษายน 2565
ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก จึงได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานค่าควันดำและวิธีการตรวจวัดที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ กรณีการตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 จากเดิม ร้อยละ 45 และหากตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบกระดาษกรอง ขณะเครื่องยนต์ไม่มีภาระ ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 40 จากเดิม ร้อยละ 50 ซึ่งเกณฑ์การตรวจควันดำใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับการตรวจวัด
ควันดำรถที่มาดำเนินการตรวจสภาพรถก่อนจดทะเบียน หรือตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีประจำปีที่สำนักงานขนส่ง และสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ทุกแห่งแล้ว
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับปรุงมาตรฐานการตรวจวัดค่าควันดำดังกล่าวนอกจากมีผลบังคับใช้กับสำนักงานขนส่ง และสถานตรวจสภาพรถแล้ว ยังนำไปใช้กับการตรวจควันดำบนถนน
สายหลักและสายรองทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการมาอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง จัดผู้ตรวจการออกตรวจวัดควันดำจากท่อไอเสียของรถบรรทุกและรถโดยสาร ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และเพิ่มความถี่ในการปฏิบัติงานออกตรวจวัดควันดำทั่วประเทศ โดยเฉพาะบนถนนสายหลักและสายรองที่เข้า-ออกกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากตรวจวัดควันดำด้วยระบบวัดความทึบแสง แล้วมีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 หรือตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรอง แล้วมีค่าควันดำ
เกินร้อยละ 40 จะถูกเปรียบเทียบปรับสูงสุด 5,000 บาท และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินกำหนด และนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่าน
การตรวจวัดจึงจะนำไปใช้งานได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการขนส่งและเจ้าของรถ ควรให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ รวมถึงการปรับพฤติกรรมการขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดการเผาไหม้
ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกิดจากยานพาหนะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาล รณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ให้ประชาชนเดินทางอุ่นใจตลอดเทศกาลปีใหม่
รัฐบาล รณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ภายใต้แนวคิด “FIT TO DRIVE” ดูแลความปลอดภัยทุกเส้นทาง จัดจุดตรวจความพร้อมรถกว่า 200 จุด เพิ่มรถเสริม–ลดค่าใช้จ่าย ให้ประชาชนเดินทางอุ่นใจตลอดเทศกาลปีใหม่ 2569
ตร.พัทยา ดำเนินคดีหนุ่มขับกระบะแต่งซิ่ง พ่นควันดำโขมงริมหาดพัทยา
จากกรณี สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่คลิปวิดีโอ รถกระบะ อีซูซุ ดีแมกซ์ ออนิว สีดำ ทะเบียน บห 2243 พระนครศรีอยุธยา เร่งเครื่องพ่นควันดำฟุ้งกระจายทั่ว บนถนนเลียบชายหาดพัทยา ใจกลางแหล่งท่องเที่ยว บริเวณปากทางเข้าถนนวอล์กลิ้งสตรีท พัทยาใต้ ท่ามกลางรถจักรยานยนต์ที่ขับตามหลัง ร
ดีอี เตือนภัย ‘โจรออนไลน์’ อ้างกรมการขนส่งฯ เปิดรับทำ ‘ใบขับขี่’ ระวังสูญเงิน
ดีอี เตือนภัย “โจรออนไลน์” อ้างกรมการขนส่งฯ เปิดรับทำ “ใบขับขี่” ผ่านเฟซบุ๊ก ระวังสูญเงิน – ข้อมูลส่วนบุคคล 14 ก.ย. 2568 - นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 5 – 11 กันยายน 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 998,983 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 807 ข้อความ สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 785 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 21 ข้อความ ช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 216 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 89 เรื่อง โดยในจำนวนนี้เป็นข่าวปลอมเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ อันดับที่ 1 : เรื่อง กรมการขนส่ง เปิดรับทำใบขับขี่ ต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านเพจ มนฤดี อันดับที่ 2 : เรื่อง OR เปิดขายหุ้นสามัญ ผ่านเพจ โออาร์ คาเฟ่ อาเมซอน ธุรกิจพันล้าน อันดับที่ 3 : เรื่อง OKJ เปิดโอกาสให้ลงทุนหุ้น เปิดให้ซื้อขายผ่าน SET อันดับที่ 4 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย ปล่อยสินเชื่อผ่านบัญชี TikTok ชื่อ opopookzr44 อันดับที่ 5 : เรื่อง กฟภ. เปิดให้บริการผ่านไลน์ PEA E-Servies อันดับที่ 6 : เรื่อง ธ.ออมสิน เปิดให้บริการสินเชื่อ ผ่านเพจ Lease it Thailand 99 อันดับที่ 7 : เรื่อง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเพจเฟซบุ๊ก SET online อันดับที่ 8 : เรื่อง กฟภ. เปิดบัญชีไลน์ใหม่ชื่อ PEN Connect อันดับที่ 9 : เรื่อง ธนาคารกรุงไทย เปิดให้บริการผ่านบัญชีไลน์ ฝ่ายบริการออนไลน์KTB อันดับที่ 10 : เรื่อง กฟภ. เปิดบัญชีไลน์ PEA Smart Plus ให้บริการประชาชน “เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวกับการให้บริการของหน่วยงานรัฐ และโครงการสินเชื่อของธนาคารรัฐ รวมทั้งการชักชวนลงทุนหุ้นในหน่วยงานและองค์กรที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมีผลกระทบต่อทั้งตัวบุคคลที่เชื่อและแชร์ข้อมูลส่งต่อกันไปเป็นวงกว้าง ทำให้ประชาชนอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ สร้างความเสียหายทั้งทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้” นายเวทางค์ กล่าว สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “กรมการขนส่ง เปิดรับทำใบขับขี่ ต่อใบขับขี่ออนไลน์ผ่านเพจ มนฤดี” กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูล โดยขอยืนยันว่า กรมการขนส่งฯ ไม่มีบริการรับทำใบขับขี่ผ่านช่องทางออนไลน์หรือสื่อโซเชียลใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่ง เพจ มนฤดี, เอกนุช, วรัสยา, มาราตรี เป็นการแอบอ้างสร้างเพจปลอมของมิจฉาชีพ เพื่อมาหลอกลวงประชาชน จึงขอประชาชนอย่าให้ข้อมูลหรือโอนเงินไป หากต้องการทำใบขับขี่หรือต่ออายุใบขับขี่ต้องมาดำเนินการที่กรมการขนส่งฯ เท่านั้น และหากประชาชนพบเห็นโพสต์ลักษณะนี้สามารถแจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดมายังกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง หรือโทรสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้กระทรวงดีอี ขอเตือนประชาชนว่าการให้ข้อมูลหรือติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ที่ไม่ได้มาจากช่องทางอย่างเป็นทางการ อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูล หรือเงินในบัญชีธนาคารได้ อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด
ขอความร่วมมือรถบรรทุกงดขนส่ง! ช่วงหยุดยาว 10 - 13 ก.ค.
กรมขนส่งฯ ขอความร่วมมือรถบรรทุก งดขนส่งช่วงหยุดยาว 10 - 13 ก.ค. ลดเสี่ยงอุบัติเหตุ อำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน
ขอความร่วมมือบรรทุก หลีกเลี่ยง งดวิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถึง 17เม.ย.
นายอนุกูล พฤกษานุศกดิ์ รองโฆษกประสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม โดย กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) คาดการณ์ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา

