รัฐบาลตั้งวอร์รูมรับมือ 'พายุไต้ฝุ่นโนรู' ประเมินสถานการณ์ พื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนทันที

รัฐบาล ตั้งวอร์รูมรับมือพายุไต้ฝุ่นโนรู เปิดศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์ บูรณาการทำงาน ประเมิน ตรวจสอบสถานการณ์ สามารถดูแลช่วยเหลือปชช.ได้อย่างทันท่วงที

26 ก.ย.255 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลตั้งวอร์รูมรับมือ พายุไต้ฝุ่น “โนรู” และเตรียมความพร้อมรับมือพายุดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานเปิดศูนย์อำนวยการติดตามสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “โนรู (NORU)” ติดตาม ประเมิน รายงานสถานการณ์พายุ และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งศูนย์อำนวยการฯจะคอนเฟอเรนซ์ ประเมินสถานการณ์สถานีอุตุนิยมวิทยาที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ หรือบริเวณที่พายุจะเคลื่อนผ่านอย่างแม่นยำ ร่วมกันประเมินสถานการณ์ของพายุ ซึ่งหากมีความรุนแรงจะตรวจวัดสภาพอากาศและปริมาณฝนให้ถี่ขึ้น รวมทั้งสั่งการดำเนินการในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานเพิ่มเติมว่า วันที่ 26 กันยายน เวลา 07.00 น. พายุไต้ฝุ่น “โนรู” อยู่ที่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 16.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 กันยายน 2565 คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนก่อนเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงเช้ามืดของวันที่ 29 กันยายน 2565

ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมาก บางแห่งกับมีลมแรงในช่วงวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม 2565 โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

“รัฐบาลห่วงกังวลอันตรายที่อาจเกิดแก่ทรัพย์สินและชีวิตของประชาชน โดยขอให้ประชาชนระมัดระวัง ในบริเวณดังกล่าวอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้บูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบ ประเมินสถานการณ์ และให้ทุกฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือ บรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดแก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายอนุชากล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมอุตุฯ เผยพายุลูกใหม่กำลังก่อตัวบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ขณะนี้หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุหมุนเขตร้อนได้ และมีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้

รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%

มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มอบเงินให้สภากาชาดไทย ช่วยน้ำท่วมภาคใต้

รศ.นายแพทย์พินิจ กุลละวณิชย์ ประธานกรรมการมูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มอบเงินบริจาคจำนวน 306,000 บาท (สามแสนหกพันบาทถ้วน) ให้นายเตช บุนนาค เลขาธิการ สภากาชาดไทย รับมอบ เพื่อ “รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วมภาคใต้ กับสภากาชาดไทย” ช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้

อวยไส้แตก! สิ่งที่เท้งทำตอนน้ำท่วม ถ้าได้บริหารประเทศ จะตอบโต้สถานการณ์น้ำท่วมได้

ตอนน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ปีก่อน เท้งมาแบบคนที่ตาใสเลย นับ 1 จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มีความตั้งใจ มาแต่ตัวจริงๆ ไม่มีแม้อุปกรณ์ล้างบ้าน ตั้ง

อุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก เหนือ-อีสาน-กลางอุณหภูมิลดลง

กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล

สส.ศาสตรา สะท้อนปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ จี้รัฐบาลเร่งแก้ขยะเน่าเหม็นแล้ว เงินเยียวยายังล่าช้า

สส.สงขลา เข้าสภาฯ สะท้อนปัญหาชาวหาดใหญ่ เรียกร้องรัฐบาล เร่งจ่ายเงิน 9,000 บาทให้เร็วเหมือนวันแรก จี้ เก็บขยะเน่าเสีย วอน ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว