'ชัชชาติ' รับกังวลน้ำฝน-น้ำเขื่อนป่าสัก ใช้กระสอบทรายยักษ์เสริมคลองสายหลักแล้ว

8 ต.ค.2565 - นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์น้ำว่า เมื่อวาน(7 ต.ค.) น้ำทะเลหนุน +2.20 เมตร ประกอบกับน้ำเหนือ อยู่ในจุดที่ควบคุมได้ ฝนตกทำให้มีน้ำท่วมขังที่ซอยสุขุมวิท 71 และถนนพระราม 4 แต่ 1 ชั่วโมงน้ำก็แห้งเป็นปกติ การระบายน้ำเป็นที่น่าพอใจ ควบคุมได้ แต่มีจุดรอยรั่วใกล้สะพานกรุงธนบุรี (ซังฮี้) ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คิดว่าหากประคองไปอีก 2 วัน สถานการณ์น่าจะดีขึ้น

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานีบางไทร มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งไม่น่าห่วง แต่ประมาทไม่ได้มีความกังวลเรื่องน้ำฝนมากกว่า และน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ต้องดูว่ากรมชลประทานจะปล่อยน้ำไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาและคลองหกวาสายล่างเท่าไหร่ แต่เบื้องต้นได้เสริมกระสอบทรายขนาดใหญ่ (บิ๊กแบ๊ก) ในคลองสายหลักเรียบร้อยแล้ว เพื่อกันไม่ให้น้ำเพ้อขึ้นมา แต่ยังไม่ได้จำเป็นอะไร เอาลงมาในพื้นที่เฉยๆ

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กทม.ได้มีการทำเส้นเลือดฝอยและดีขึ้นเยอะ ซึ่งปกติถนนประชาสุข ถนนประชาสงเคราะห์ เป็นจุดที่น้ำท่วมบ่อย แต่เมื่อมีการลอกท่อเป็นชุดแรกๆก็ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ให้สำนักการระบายน้ำดูภาพรวมในการปรับปรุงระบบระบายน้ำ เพื่อแก้ปัญหา ฉะนั้นจุดอ่อนที่เจอคือ หลังหอการค้า ประชาสุขประชาสงเคราะห์ ในภาพรวมระยะยาวไม่กังวลเพราะอยู่ในแผนแล้ว สถานการณ์ดีขึ้น

ส่วนกรณีที่เข้าประชุมร่วมกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ต.ค. เรื่องแผนจัดการน้ำ นายชัชชาติ กล่าวว่า เรากังวลเรื่องการจัดการน้ำฝั่งตะวันออก เบื้องต้น กทม.เสนออุโมงค์ระบายน้ำจากลาดกระบังลงไปที่คลองร้อยคิว โดยมีเป้าหมายคือ ต้องการระบายน้ำ 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงคิดว่าการระบายน้ำด้วยอุโมงค์น่าจะเร็วและไม่กระทบต่อประชาชน ซึ่งเราได้หารือกับกรมชลฯ ทางกรมชลฯแนะนำว่าสามารถระบายออกได้เท่ากัน แต่ให้ระบายผ่านคลองประเวศบุรีรมย์ ออกไปทางแปดริ้ว คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต โดยทางกรมชลฯจะรับผิดชอบในการทำคันให้ดีขึ้น ซึ่งหากกรมชลฯยืนยันว่าสามารถทำได้ในปริมาตรที่เท่ากัน และเขารู้สึกว่าทางนี้ดีกว่า เราก็ต้องฟังเขาเป็นเจ้าของพื้นที่ อย่างไรก็ตามกทม.ยืนยันว่า จะต้องมีทางระบายน้ำจากลาดกระบังได้เร็ว ไปในช่องทางอื่น นอกเหนือการระบายน้ำลงมาที่คลองพระโขนง

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า โดยในระยะเร่งด่วน กทม. ได้เสนอการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เพื่อขอรับงบประมาณในปี 2567 เป็นโครงการทำประตูน้ำที่พระโขนง เพิ่มการสูบให้ดีขึ้น ทำเขื่อนตามแนวคลองประเวศฯ หรือคลองพระโขนงตอนปลายให้ครบถ้วน เพราะที่ผ่านมาเขื่อนทำไม่ครบ ทำให้น้ำท่วมแถวพัฒนาตอนปลาย เป็นโครงการที่บรรจุในปีงบประมาณ 2567 เป็นหลัก แต่ระหว่างนี้ต้องทำการขุดลอกต่างๆต่อไป

เมื่อถามว่า ทางด่วนน้ำให้ไปออกคลองประองค์เจ้าฯ กทม.จะเจอปัญหาการระบายน้ำเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ปลายสุดของเขตลาดกระบัง มีประตูระบายน้ำของกรมชลฯอยู่ มีพลังดูดเกิน 60 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที แต่ที่ผ่านมาดูดไม่ได้เพราะจะไปท่วมพื้นที่ประชาชน ซึ่งแนวคิดของกรมชลฯคือ จะทำเขื่อนกั้นน้ำในคลองต่าง ๆ เพื่อให้สามารถรับน้ำได้โดยไม่ไหลออกไปท่วมบ้านเรือนประชาชน ซึ่ง กทม. ยืนยันว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องคลองย่อย กรมชลฯจึงรับข้อเสนอนี้ไปพิจารณาด้วย เพราะเป็นพื้นที่ของกรมชลฯ

“เราก็ต้องเคารพความคิดกรมชลฯ แต่เราขอว่าอย่างน้อยต้องระบายน้ำ 50 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที โดยไม่จำกัดเวลา เราต้องการเมื่อไหร่ก็สูบออกให้ได้ เป็นพื้นที่ของกรมชลฯแต่เราก็เรียกว่าทางด่วนน้ำเหมือนกัน เพราะทำให้เราสามารถเอาน้ำออกได้ หากออกในประสิทธิภาพเท่ากัน เราไม่ได้เกี่ยงอะไร” นายชัชชาติ กล่าว

ทั้งนี้ในที่ประชุมพล.อ.ประวิตร เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งอนุกรรมการชุดย่อยมากำกับดูแลเรื่องต่าง ๆพล.อ.ประวิตรให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำ เพราะได้ลงพื้นที่เขตมีนบุรีมาแล้ว โครงการต่าง ๆ ที่ กทม.เสนอไปพล.อ.ประวิตร ก็รีบให้บรรจุแผนและเร่งดำเนินการ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเป็นการคุยกันหลายหน่วยงาน ทั้งกรมชลฯและจังหวัดต่าง ๆ ทำให้เห็นภาพรวมและร่วมกันวางแผนระยะยาว 20 ปี น่าจะปรับปรุงภาพรวมของการระบายน้ำได้ดีขึ้น