28 เม.ย.2566 - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบ ก.ก.ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ. 2566
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 14 (3) และมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2554 ประกอบมาตรา 107 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 107 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ข้อ 77 (3) และข้อ 82 ของกฎ ก.ก.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ. 2565 ก.ก. จึงออกระเบียบ ก.ก. ไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.ก. ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2566”
ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 การสั่งให้ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญออกจากราชการตามมาตรา 59มาตรา 67 มาตรา 110 หรือมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ. 2551 ถ้ามิได้กำหนดไว้อย่างอื่นในระเบียบนี้ ให้สั่งให้ออกจากราชการได้ตั้งแต่วันที่กำหนดในคำสั่ง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคำสั่ง เว้นแต่
(1) การสั่งให้ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญออกจากราชการตามมาตรา 110 (8)แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก หรือวันที่ต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งของศาล แล้วแต่กรณี
(2) การสั่งให้ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญออกจากราชการตามมาตรา 111 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
(3) ในกรณีที่ได้มีการสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออกจากราชการข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญไปแล้ว ถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นให้ออกจากราชการตามมาตรา 59 มาตรา 67มาตรา 110 หรือมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551ก็ให้สั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องออกจากราชการตามมาตรานั้น
(4) การสั่งให้ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญออกจากราชการไว้ก่อนตามมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่กำหนดในคำสั่ง ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคำสั่ง เว้นแต่เป็นกรณีที่มีการสั่งพักราชการหรือเป็นกรณีที่ถูกควบคุมขัง หรือต้องจำคุก ให้สั่งให้ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ต้องพักราชการ วันที่ถูกควบคุม ขัง หรือต้องจำคุกแล้วแต่กรณี
(5) ในกรณีที่มีเหตุอันควรต้องสั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปก่อนวันที่ออกคำสั่งก็ให้สั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปถึงวันที่ควรจะต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นได้ แต่ทั้งนี้การสั่งดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการนั้น
ข้อ 4 การสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครออกจากราชการตามมาตรา 49 มาตรา 56 วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคห้า มาตรา 110 มาตรา 111มาตรา 112 มาตรา 113 มาตรา 114 หรือมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ห้ามมิให้สั่งให้ออกย้อนหลังไปก่อนวันออกคำสั่ง เว้นแต่
(1) การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 113 ให้สั่งให้ออกตั้งแต่วันต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งของศาลหรือโดยคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี
(2) การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 114 ให้สั่งให้ออกตั้งแต่วันไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร
(3) การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 107 (6) ให้สั่งให้ออกตั้งแต่วันที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
(4) ในกรณีที่ได้มีการสั่งลงโทษปลดออก หรือไล่ออกจากราชการไปแล้ว ถ้าจะต้องสั่งใหม่หรือเปลี่ยนแปลงคำสั่งเป็นให้ออกจากราชการ ตามมาตรา 49 มาตรา 56 วรรคสอง วรรคสามหรือวรรคห้า มาตรา 110 มาตรา 111 มาตรา 112 มาตรา 113 มาตรา 114 หรือมาตรา 118 ก็ให้สั่งให้ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นในขณะที่ออกคำสั่งเดิม
(5) ในกรณีที่มีเหตุอันควรต้องสั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปก่อนวันที่ออกคำสั่งก็ให้สั่งให้ออกจากราชการย้อนหลังไปถึงวันที่ควรจะต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นได้ แต่ทั้งนี้การสั่งดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการนั้น
ข้อ 5 การสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการข้าราชการกรุงเทพมหานคร ถ้ามิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นในระเบียบนี้ ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการตั้งแต่วันที่กำหนดในคำสั่งซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่ออกคำสั่ง
ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรต้องสั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการย้อนหลังไปก่อนวันที่ออกคำสั่งก็ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ควรจะต้องออกจากราชการตามกรณีนั้นได้ แต่ทั้งนี้การสั่งดังกล่าวไม่กระทบกระเทือนสิทธิโดยชอบธรรมของผู้ถูกสั่งลงโทษนั้น
ข้อ 6 ในกรณีที่ได้มีคำสั่งให้ข้าราชการกรุงเทพมหานครพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ต้องพักราชการหรือวันที่ต้องออกจากราชการไว้ก่อนแล้วแต่กรณี
ข้อ 7 ในกรณีที่ข้าราชการกรุงเทพมหานครกระทำผิดวินัยเพราะเหตุละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวัน และไม่กลับมาปฏิบัติราชการอีก ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกจากราชการตั้งแต่วันที่ละทิ้งหน้าที่ราชการนั้น
ข้อ 8 ในกรณีที่ข้าราชการกรุงเทพมหานครกระทำความผิดอาญาและได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกตั้งแต่วันที่ต้องรับโทษจำคุก หรือวันที่ถูกคุมขังติดต่อกันจนถึงวันที่ต้องรับโทษจำคุกแล้วแต่กรณี แต่ถ้าเป็นกรณีที่กระทำความผิดอาญาและได้รับโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดหนักกว่าโทษจำคุก ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกตั้งแต่วันที่ต้องคำพากษาถึงที่สุดหรือวันที่ถูกคุมขังติดต่อกันจนถึงวันที่ต้องคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วแต่กรณี
ข้อ 9 ในกรณีที่ได้มีการสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการข้าราชการกรุงเทพมหานครไปแล้ว ถ้าจะต้องสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งลงโทษปลดออกเป็นไล่ออก หรือไล่ออกเป็นปลดออก ให้สั่งให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกจากราชการตามคำสั่งเดิม แต่ถ้าจะต้องสั่งเปลี่ยนแปลงวันออกจากราชการด้วยให้สั่งลงโทษย้อนหลังไปถึงวันที่ควรต้องออกจากราชการตามกรณีนั้น
ข้อ 10 ในกรณีที่ได้มีการสั่งให้ข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญออกจากราชการ ตามมาตรา 59 มาตรา 67 มาตรา 110 มาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 หรือสั่งให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครออกจากราชการตามมาตรา 49 มาตรา 56 วรรคสอง วรรคสาม หรือวรรคห้า มาตรา 110 มาตรา 111 มาตรา 112มาตรา 113 มาตรา 114 หรือมาตรา 118 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 ไปแล้ว ถ้าจะต้องเปลี่ยนแปลงคำสั่งลงโทษเป็นปลดออกหรือไล่ออกจากราชการให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลัง ไปถึงวันที่ควรต้องลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามกรณีนั้น
ข้อ 11 ในกรณีที่ผู้ซึ่งจะต้องถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ได้ออกจากราชการไปก่อนแล้วเพราะถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออก หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการในกรณีอื่นหรือได้รับอนุญาตให้ลาออกจากราชการ ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันที่ออกจากราชการไปแล้วนั้น
ข้อ 12 ในกรณีที่ผู้ซึ่งจะต้องถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ ได้พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการไปก่อนแล้ว ให้สั่งปลดออกหรือไล่ออกย้อนหลังไปถึงวันสิ้นปีงบประมาณที่ผู้นั้นมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์หรือวันที่ผู้นั้นพ้นจากราชการตามมาตรา 108 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 แล้วแต่กรณี
ข้อ 13 ให้ประธาน ก.ก. รักษาการตามระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2566
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ประธาน ก.ก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตลาดรับสร้างบ้านQ3/68 หดตัว14%
ตลาดรับสร้างบ้าน 3 ไตรมาส /2568 หดตัว 14% จาก 163,882 ล้านบาท เหลือ 141,077 ล้านบาท เหตุภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า เสถียรภาพทางการเมืองไม่นิ่ง กำลังซื้อภาคครัวเรือนที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่
นายกฯ มอบนโยบายงบฯปี 70 กำชับใช้โปร่งใส โอดอยากนามสกุลหลีกภัย แต่กลายเป็นเจอภัย
นายกฯ มอบนโยบายงบฯปี 70 กำชับใช้โปร่งใส ประโยชน์กลับสู่ปชช. เข้มขอเท่าที่จำเป็น เตรียมปรับงบฯรับมือภัยธรรมชาติ เป็นลำดับแรก ขอความร่วมมือรัฐ-เอกชน เลือกจัดอีเว้นที่หาดใหญ่ หวังเม็ดเงินช่วยในพื้นที่ ชี้เหตุน้ำท่วมมุ่งพัฒนาทำถนน-ขนส่งทางบก ขวางทางน้ำ โอด อยากใช้นามสกุล ‘หลีกภัย’ แต่เจอ 4 ภัย ‘เศรษฐกิจ-มั่นคง-สังคม-ภัยธรรมชาติ’ ลั่นรักษาอธิปไตยพร้อมหนุนกองทัพ ซื้ออาวุธยังจำเป็น ปลุกสามัคคีทำงานรับใช้ชาติ
ประเดิมแจ้งเตือน 'ฝุ่นPM2.5' ผ่าน Cell Broadcast 'กทม.' โหมดส้ม
เริ่มแล้ว! แจ้งเตือน PM2.5 ผ่าน Cell Broadcast 'กรุงเทพฯ–ปริมณฑล' เข้าสู่โหมดสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 'รมว.สุชาติ' กำชับ ทส. ติดตามใกล้ชิด หลังแนวโน้มฝุ่นสะสมต่อเนื่องถึง 2 ธ.ค.
27 จังหวัด คลุกฝุ่นPM2.5 'กทม.' อ่วมสุด! ส่อพุ่งอีก
ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ณ 07:00 น. สรุปดังนี้
ถอดบทเรียนหาดใหญ่ สู่ป้องกันกรุงเทพ นักวิชาการแนะ ปรับยุทธศาสตร์ลงทุนระบบการบริหารจัดการน้ำ
จากน้ำท่วมใหญ่หาดใหญ่และภาคใต้ สะท้อน ความล้มเหลวในการบริหารจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่ของสังคมไทยอย่างชัดเจน ต้องมีการถอดบทเรียนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและความผิดผลาดซ้ำเดิมอีก
กรมอุตุฯเตือนไทยหนาวจัด! อีสานต่ำสุด 7 องศา ลมแรงทั้งภาค-กรุงเทพฯ ลดฮวบ 15°C
พยากรณ์อากาศ 29 พ.ย. 2568 ระบุไทยตอนบนอุณหภูมิลดฮวบ กรุงเทพฯ-ปริมณฑลต่ำสุดถึง 15°C ขณะที่ภาคอีสาน-เหนือหนาวจัด ต่ำสุด 7-8°C ส่วนภาคใต้ตอนล่างยังมีฝนฟ้าคะนองราว 20% ของพื้นที่


