ดีเอสไอ ลงพื้นที่สอบรุกป่าสงวน 'ป่ายางหัก-เขาปุ้ม' ออกเอกสารสิทธิ 365 ไร่

2 ธ.ค.2564 - นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)​ ได้มอบหมายให้นายมเหสักข์ พันธ์สง่า ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค, นายพิเชษฐ์ ทองศรีนุ่น ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ, นายเทวา จุฬารี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 7 และเจ้าหน้าที่ส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ กองเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพพื้นที่จริง ร่วมกับ นายเชิดชาย ช่วงแสน ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเพชรบุรี, นายบุญเกื้อ เจี้ยมดี ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี, นายอรุณเดช ขุนทอง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พบ.1 (ยางชุม), พ.อ.สนอง ธัญญานนท์ หัวหน้าฝ่ายกิจการมวลชนฯ ของ กอ.รมน.เพชรบุรี, นายไพศาล ช่อผกา นายอำเภอบ้านลาด และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านท้องที่

นายมเหสักข์กล่าวว่า จากการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินบริเวณตำบลหนองกะปุ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ว่ามีการออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย หรือที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก - เขาปุ้ม หรือไม่ ทางกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาคได้รับมอบหมายจากนายไตรยฤทธิ์ ให้ทำการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานและพิสูจน์ทราบ โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ ได้นำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับแบบความละเอียดถูกต้องทางตำแหน่งสูง บินสำรวจและจัดทำแผนที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบพื้นที่ที่มีการออกเอกสารสิทธิในเขตป่าสงวนฯ เนื้อที่ประมาณ 365 ไร่ พบว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก - เขาปุ้ม และตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์

ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงแจ้งจังหวัดเพชรบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการของจังหวัดเพชรบุรี และข้อมูลการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวของกรมป่าไม้ โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ที่ได้ตรวจสอบพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางหัก - เขาปุ้ม บริเวณป่าบ้านโป่งสลอด หมู่ที่ 6 ตำบลหนองกะปุ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยดีเอสไอจะทำการสืบสวน และเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมีชื่อครอบครองที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว ให้แสดงหลักฐานการถือครอง ซึ่งหากการสืบสวนทำให้ทราบข้อเท็จจริงแน่ชัดว่า การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ในที่ดินทั้ง 10 แปลง เป็นการออกโดยอาศัยแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ของที่ดินแปลงอื่น คณะพนักงานสืบสวนจะเสนอความเห็นต่ออธิบดีดีเอสไอเพื่อส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ไปกรมที่ดินเพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าว

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ซึ่งเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศพระราชบัญญัติการสอบสวนพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และตามประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริงและประมวลเรื่องเสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่ามีเหตุและมีเงื่อนไขที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ

"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย

รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ

รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน

จ่อฟันซ้ำ! 'ผบ.คุก - 19 ผู้คุม' พักราชการ-ให้ออกไว้ก่อน

'โฆษกกรมราชทัณฑ์' เผยอีก 1-2 วันนี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 'ผบ.เรือนจำฯ-จนท.' รวม 20 ราย ส่อ 'พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ 'ดีเอสไอ' ลุยสอบปากคำเก็บหลักฐานมัดผิด

รมว.ยุติธรรม ตั้งดีเอสไอ ร่วมสืบสวนคดีคุก VIP เอื้อนักโทษจีนเทา มีนางแบบจีนส่งถึงที่

"รมว.ยุติธรรม" ลั่นไม่ปล่อยผ่าน ผู้คุมเรือนจำพิเศษเอื้อประโยชน์จีนเทา พบหลักฐานชัดผู้คุม 7 นายพานางแบบจีน 2 คนเข้า “ห้องดัดแปลง” กลางวันแสกๆ เผยสามารถกู้ภาพวงจรปิดได้บางส่วนหลังถูกมือมืดลบข้อมูล จับภาพนักโทษจีนเทาเดินเพ่นพ่านในพื้นที่ต้องห้าม ส่วนผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายถูกย้ายทันที เผยพรุ่งนี้เตรียมบุกเข้าเรือนจำตรวจข้อเท็จจริง

'ดีเอสไอ' ลุยสอบ '5 ธุรกิจในไทย' ครอบครัวก๊ก อาน พัวพันกาสิโน ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์

“ดีเอสไอ" ประสานข้อมูล “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ลุยตรวจสอบ ”5 ธุรกิจในไทย“ ครอบครัวก๊กอาน เบื้องต้นพบ “ลูก 3 คน” นั่งกรรมการบริหารด้วยตัวเอง หลัง ”กรมการปกครอง“ เพิกถอนสัญชาติไทย "ก๊กอานและบุตร 3 คน"