20 พ.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) รับรองให้ โคราชจีโอพาร์ค (KHORAT Geopark) จังหวัดนครราชสีมา เป็นอุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ถือเป็นอุทยานธรณีโลกแห่งที่ 2 ของประเทศไทย และทำให้ไทยสร้างอีกประวัติศาสตร์ จังหวัดนครราชสีมา เป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎ หรือ ทริปเปิลคราวน์ (Triple Crown) ถือเป็นเมืองที่ 4 ของโลก ต่อจากอิตาลี เกาหลีใต้ และจีน ที่มีดินแดนแห่ง 3 มงกุฎของยูเนสโก ในจังหวัดเดียวกัน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ยูเนสโกได้ลงพื้นที่ตรวจประเมิน เก็บข้อมูลภาคสนาม ใน 17 แหล่งสำคัญของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งผลการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การยูเนสโก ครั้งที่ 216 (216th session of the Executive Board) ณ องค์การยูเนสโก สำนักงานใหญ่ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส มีมติรับรองให้ โคราชจีโอพาร์ค เป็น อุทยานธรณีโลก (UNESCO Global Geopark) ซึ่งส่งผลให้จังหวัดนครราชสีมาเป็นหนึ่งในเมืองประวัติศาสตร์เป็นเมืองแห่ง 3 มงกุฎทางธรรมชาติของยูเนสโก (The UNESCO Triple Crown of Nature) ถือเป็นประเทศที่ 4 ของโลก ต่อจากอิตาลี เกาหลีใต้ และจีน ที่ใน 1 จังหวัด จะมีโปรแกรมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของยูเนสโก ครบทั้ง 3 โปรแกรม ได้แก่ 1. มรดกโลก (กลุ่มป่าดงพญาเย็นเขาใหญ่) 2. มนุษย์และชีวมณฑล (พื้นที่สงวนชีวมณฑลป่าสะแกราช) และ 3. จีโอพาร์คโลก (โคราชจีโอพาร์ค)
ทั้งนี้ โคราชจีโอพาร์ค มีความแตกต่างจากจีโอพาร์คโลก ที่มีอยู่ 177 แห่งทั่วโลก คือ เป็นดินแดนแห่งเควสตาและ ฟอสซิล (Cuesta & Fossil Land) ที่เชื่อมโยงกับระบบนิเวศป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และวิถีชีวิตผู้คนกว่า 4,000 ปี ในพื้นที่ภูมิศาสตร์บริเวณลุ่มน้ำลำตะคองตอนกลางถึงตอนล่าง โดยพัฒนาต่อยอดและขยายจากสถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่ดำเนินโครงการในระยะแรก นับตั้งแต่ปี 2537
“นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลการรับรอง และภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับการรับรองนี้ สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ ธรรมชาติ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ของไทย พื้นที่ดังกล่าวจะเป็นอีกแหล่งศึกษาที่สำคัญให้กับผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะซากดึกดำบรรพ์ที่มีคุณค่าเป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์อีกหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาด้วยแล้ว” นายอนุชากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อธิบดีศิลปากร' ยัน 'ปราสาทตาควาย' ซ่อมได้ ตราบใดเป็นของไทย
'อธิบดีกรมศิลปากร' ยืนยัน 'ปราสาทตาควาย' ซ่อมได้ ตราบใดยังตั้งอยู่ในแผ่นดินไทย รวมถึงปราสาทอื่นด้วย 'บัวแก้ว' ขอกัมพูชายุติใช้พื้นที่โบราณสถานเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร
รัฐบาลเผยโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้แล้วกว่า 7 แสนครัวเรือน วงเงินกว่า 6 พันล้านบาท
รัฐบาล เผยความคืบหน้าโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้แล้วกว่า 700,000 ครัวเรือน วงเงินกว่า 6,000 ล้านบาท กำชับเร่งเดินหน้าช่วยเหลือ ปชช.ต่อเนื่อง แนะ ปชช.รีบผูกพร้อมเพย์รับเงินเยียวยา
'อนุทิน' ไม่หวั่นไหว 'ฮุนเซน' ปล่อยภาพใกล้ชิดผู้ว่าฯกัมพูชา มองเป็นเรื่องไร้สาระ
โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯอนุทิน ไม่หวั่นไหว "ฮุนเซน" ใช้วิธีสแกมเมอร์ ปล่อยภาพใกล้ชิดกับผู้ว่าฯกัมพูชา มองเป็นเรื่องไร้สาระ แค่ภาพเก่า ไปร้านอาหาร ไปวัด ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดถึงขนาดเดินในห้องนอน กร้าวปัญหาชายแดนต้องจบในรัฐบาลนี้
เปิดไทม์ไลน์ละเอียดยิบ กัมพูชาเปิดฉากยิงพื้นที่ภูผาเหล็ก-พลาญหินแปดก้อน ไทยตอบโต้ตามหลักสากล
รัฐบาล ย้ำไทยใช้เครื่องบินรบเพื่อสกัดกั้นการโจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่เริ่มรุกรานก่อน จนเป็นเหตุให้ทหารไทยบาดเจ็บ-เสียชีวิต โดยตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองตามกฎการปะทะ อย่างได้สัดส่วน ตามหลักสากล
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
ครม. เคาะ 3 มาตรการด้านการเงิน ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย พักเงินต้นยกดอกเบี้ย สินเชื่อสร้างอาชีพ กู้ยืมซ่อมบ้าน
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย โดยครม.เห็นชอบ 3 นโยบาย

