ศาลฯสั่ง อดีตนักการเมืองชื่อดังลพบุรี เป็นคนไร้ความสามารถ

29 ก.พ.2567 - ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี

เรื่อง ศาลมีคำสั่งว่า นายอำนวย คลังผา เป็นคนไร้ความสามารถและให้อยู่ในความอนุบาลของ นางสาวอุมาพร คลังผา

ด้วย นางสาวอุมาพร คลังผา ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า นายอำนวย คลังผา เป็นคนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความอนุบาลของผู้ร้อง ศาลไต่สวนพยานหลักฐานของผู้ร้องแล้วเห็นว่า นายอำนวยเป็นผู้ป่วยสมองเสื่อม เข้ารับการรักษาพยาบาลมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ จนถึงปี ๒๕๖๕ แพทย์วินิจฉัยว่า มีความบกพร่องในความสามารถของสมองหลายด้านอยู่ในกณฑ์สมองเสื่อม ไม่อยู่ในเกณฑ์มีสติสัมปชัญญะเช่นบุคคลทั่วไปพึ่งมี ไม่สามารถทำนิติกรรมได้ไม่สามารถช่วยตนเองได้ในกิจกรรมอันเป็นกิจวัตรประจำวันเป็นส่วนใหญ่ สมควรต้องมีผู้ดูแล อาการของนายอำนวยดังกล่าว เข้าลักษณะเป็นบุคคลวิกลจริต ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๘

จึงมีคำสั่งว่า นายอำนวย คลังผา เป็นคนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความอนุบาลของนางสาวอุมาพร คลังผา

สำหรับนายอำนวย คลังผา เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือวิปรัฐบาล

นายอำนวย เคยได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 5 สมัย คือ

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคความหวังใหม่

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคไทยรักไทย

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคไทยรักไทย

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคพลังประชาชน

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 จังหวัดลพบุรี สังกัดพรรคเพื่อไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประกาศแล้ว! หลักเกณฑ์-วิธีตรวจสอบนโยบายที่ต้องใช้เงินของพรรคการเมืองในการโฆษณา

ต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบนโยบายที่ต้องใช้จ่ายเงิน

ราชกิจจาฯ ประกาศปรับฐานค่าจ้างคำนวณเงินสมทบประกันสังคม ม.33 เริ่ม 1 ม.ค. 2569

กฎกระทรวงใหม่กำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ-ขั้นสูง ใช้เป็นฐานคำนวณเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยปรับเพดานสูงสุดเป็นลำดับ จาก 17,500 บาท เพิ่มเป็น 23,000 บาทในระยะถัดไป มีผลตั้งแต่ต้นปี 2569