11 ธ.ค.2567 - นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) และร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ (ร่างแผนปฏิบัติการฯ) โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก รวมทั้งอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยและอียิปต์ โดยกำหนดทิศทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจร่วมกันในระยะ 5 ปี ผ่าน 5 สาขา ได้แก่ 1.การค้าและการลงทุน เพื่อยกระดับการค้าและการลงทุนทวิภาคีระหว่างไทยกับอียิปต์ในอีก 5 ปีข้างหน้า และเพื่ออำนวยความสะดวกในการขยายการค้าและการลงทุนระหว่างภาคีคู่สัญญา พร้อมทั้งการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน รวมถึงวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSME) ของภาคีคู่สัญญา
2.การเกษตร เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเกษตรในสาขาที่ภาคีคู่สัญญามีความสนใจร่วมกัน และเพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์ฮาลาล ปศุสัตว์และประมง
3.การรวมกลุ่มและเขตอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมระหว่างภาคีคู่สัญญา และเพื่อส่งเสริมการลงทุนในการรวมกลุ่มและเขตอุตสาหกรรม รวมถึงความร่วมมือในด้านการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรม โดยกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพอาจรวมถึงยานยนต์และชิ้นส่วนโดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า อาหารและเกษตรแปรรูป ตลอดจนเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
4.การท่องเที่ยว เพื่อเสริมสร้างการลงทุนภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องระหว่างภาคีคู่สัญญา รวมทั้งยกระดับการแบ่งปันข้อมูลเพื่อสร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว ลดความเสี่ยงและความสูญเสีย
5.MSME เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของ MSME โดยบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่มูลค่าโลกด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ รวมถึงพัฒนาเครือข่าย MSME ของภาคีคู่สัญญา
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาแล้ว เห็นควรให้ความเห็นชอบไม่ขัดข้อง และกระทรวงการต่างประเทศ (กรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า ร่างเอกสารทั้งสองฉบับไม่มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไชยชนก' แย้ม 'DSI' มีข้อมูลโยง 2 นักการเมือง ปม MOU บ.สแกนม่านตา
'ไชยชนก' ชี้หน้าที่ 'ดีเอสไอ' สอบสวน หลังพบข้อมูลนักการเมือง 1-2 คน เอี่ยว MOU กระทรวงดีอี-บ.สิงคโปร์ สแกนม่านตา โยงฟอกเงินดิจิทัล
ยกเลิก MOU 'เจ้ากรมแผนที่ทหาร-นักวิชาการ' สะท้อนต่างมุม
วงเสวนาไทย–กัมพูชาสะท้อนต่างมุม “เจ้ากรมแผนที่ทหาร” ชี้ปัญหาเขตแดนเป็นมรดกยุคอาณานิคม ย้ำ MOU คือกลไกแก้ปัญหาที่สั่งสมกว่า 20 ปี ขณะที่ “สว.ชิบ” เปิด 8 เหตุผล กมธ.วุฒิสภา หนุนยกเลิก MOU 2544 ป้องกันไทยเสียผลประโยชน์ทางทะเล
ไม่เกินคาด! กมธ.ศึกษายกเลิก MOU43-44 จ่อขยายเวลาเพิ่ม 30 วัน
'กมธ.ศึกษา ยกเลิก MOU43-44' จ่อ ขยายเวลาเพิ่ม 30 วัน เหตุพิจารณาไม่ทัน 'สฤษฏ์พงษ์' เผยที่ประชุมยังเห็นต่าง หนุน 'รัฐบาล' จัดเวทีดีเบต ให้ความรู้ประชาชน ย้ำอำนาจยกเลิกอยู่ที่ ครม.
นักวิชาการแนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานรับมือ MOUแร่แรร์เอิร์ธ
'นักวิชาการสิ่งแวดล้อม' แนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานศึกษา-รับมือ เอ็มโอยูสหรัฐรุกไทยแร่หายาก ค้านตั้งเหมือง เต็มที่แค่ตั้งโรงงานสกัด เหตุเสี่ยงเจอมลพิษ สารปนเปื้อน กัมมันตภาพรังสี
ผ่าไส้ใน MOU แร่หายาก ไม่ขายชาติ แต่ไม่ค่อยรอบคอบ ไทยต้องเตรียมเกราะป้องกัน
ยังคงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง จากกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไปลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู (Memorandum of Understanding - MOU)
‘เลขาฯกฤษฎีกา’ แจง ลงนามแรร์เอิร์ธ ผ่านครม.นัดพิเศษแล้ว การันตี ไม่มีผลผูกพันธ์ทางกม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ว่าด้วยความร่วม

