หน่วยปฏิบัติการพิเศษทหาร-ตร. พร้อมรองรับสถานการณ์ก่อการร้าย

ผบ.เหล่าทัพ เช็ก "หน่วยปฏิบัติการพิเศษทหาร-ตร." พร้อมรองรับสถานการณ์ก่อการร้าย พัฒนารับมือวิกฤตินานาชาติ

18 เมษายน 2568 - พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 โดยมีพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก , พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ , พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณ กองบัญชาการกองทัพเรือ

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวขอบคุณเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมปฏิบัติภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาลเป็นอย่างดี โดยเฉพาะงานด้านความมั่นคงตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ทั้งการดูแลความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่ชุมชน การอำนวยความสะดวกในการสัญจร ตลอดจนเฝ้าระวังป้องกันยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติต่างๆทั้งในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน เน้นย้ำให้เหล่าทัพ ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละ เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงการสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน อย่างเต็มที่ ตลอดจนพัฒนากำลังพลให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อการปฏิบัติการพิเศษในอนาคตได้ทุกรูปแบบ

สำหรับการประชุมในวันนี้ ได้รับทราบแนวทางการพัฒนา การปฏิบัติการพิเศษร่วมของทุกเหล่าทัพ โดยกองบัญชาการกองทัพไทย ได้เสนอแนวทางการพัฒนาขีดความสามารถการปฏิบัติการพิเศษร่วม อาทิ การเตรียมกำลัง โดยในมิติการรบ ได้ขยายขีดความสามารถของกำลังพลศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ให้สามารถปฏิบัติการร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของเหล่าทัพในภารกิจป้องกันประเทศได้

ส่วนด้านการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากสงคราม ได้จัดทำบัญชีพร้อมเรียกปฏิบัติงาน (On Call List) ของกำลังพลหน่วยปฏิบัติการพิเศษของทั้งฝ่ายทหารและตำรวจ เพื่อให้สามารถรองรับสถานการณ์การก่อเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา รวมถึงพัฒนาหลักสูตรการบริหารวิกฤตการณ์ พัฒนาระบบสนับสนุนการฝึกอบรม ตลอดจนได้เตรียมการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากลสู่การเป็นสถาบันป้องกันและตอบโต้สถานการณ์วิกฤตนานาชาติ

ส่วนกองทัพบก ได้เสนอเรื่อง “การปฏิบัติการพิเศษร่วมของกองทัพบก” มุ่งยกระดับการปฏิบัติการพิเศษร่วม ให้มีความพร้อม ครอบคลุมทุกมิติ และบูรณาการกำลัง การฝึก รวมถึงความร่วมมือทั้งภายใน และระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติอย่างรอบด้าน โดยมี หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ รับผิดชอบภารกิจปฏิบัติการพิเศษของกองทัพบก สำหรับการเตรียมกำลังและใช้กำลังนั้น เป็นไปตามแผนแม่บทพัฒนากำลังระยะ 6 ปี (พ.ศ. ๒๕๖๕–๒๕๗๐) ภายใต้กระบวนการ “วงจรนักรบพิเศษ” ซึ่งครอบคลุมการฝึกในหน่วย และการปฏิบัติราชการสนามในวงรอบ 4 ปี เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถอย่างเป็นระบบ

ขณะที่ กองทัพเรือ ได้เสนอ “การปฏิบัติการพิเศษของกองทัพเรือ” ว่าปัจจุบันมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการพิเศษร่วม คือ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ นสร.กร. ทำหน้าที่จัด และเตรียมกำลังสำหรับปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ ปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากสงคราม และปฏิบัติกิจพิเศษที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้งยังได้กำหนดให้มีแนวทางพัฒนาขีดความสามารถของทัพเรือทั้งในด้านองค์บุคคล ด้านองค์วัตถุ ด้านองค์ยุทธวิธี เพื่อให้พร้อมเผชิญภัยคุกคามในทุกมิติ ทำให้กองทัพเรือสามารถติดตามสภาพสถานการณ์ทางทะเล ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการทั้งสองฝั่งทะเล ได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านกองทัพอากาศ ได้นำเสนอการปฏิบัติการพิเศษร่วม ในการเตรียมกำลังและใช้กำลังหน่วยปฏิบัติการพิเศษ โดยมีกรมปฏิบัติการพิเศษ จำนวน 3 กองพัน ขึ้นตรงการปฏิบัติกับหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ภายใต้การบังคับบัญชาของ ผู้บังคับการกรมปฏิบัติการพิเศษ ได้แก่ กองพันปฏิบัติการพิเศษ 1 บรรจุเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด เพื่อต่อต้านการก่อการร้าย การรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ การรักษาความปลอดภัยบนอากาศยานขณะทำการบิน ,กองพันปฏิบัติการพิเศษ 2 บรรจุเจ้าหน้าที่ค้นหาและช่วยชีวิต หรือ PJ เพื่อค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากอากาศยาน และกองพันปฏิบัติการพิเศษ 3 บรรจุเจ้าหน้าที่ควบคุมการรบ หรือ CCT เพื่อควบคุมการโจมตีทางอากาศในพื้นที่การรบ และสนับสนุนการปฏิบัติการลำเลียงทางอากาศยุทธวิธี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถในหัวข้อเรื่อง “การปฏิบัติการพิเศษร่วมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” โดยมี หน่วยปฏิบัติการพิเศษของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น หน่วยคอมมานโด (Commando) หน่วยหนุมาน กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย อรินทราช 26 ฯลฯ ทำหน้าที่หลักในการเป็นชุดจู่โจม ปิดล้อมตรวจค้น และการปฏิบัติการพิเศษร่วมในเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะตำรวจพลร่มชุดกู้ภัย จากกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ได้ร่วมกับหน่วยกู้ภัยจากทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่ของหน่วยราชการและอาสาสมัคร เดินหน้าปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอาคาร สตง. ถล่มด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กองทัพแจงรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแปลกปลอมในพื้นที่อธิปไตยไทย ไม่ใช่ศาสนสถาน

ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ตามที่มีการเผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีลักษณะคล้ายประติมากรรมทางศาสนา ในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชา จนก่อให้เกิดความห่วงกังวลและการตีความที่หลากหลายในสังคมนั้น

สันติภาพต้องหยุดยิงจริง! ทอ.โจมตีเชิงลึก 'คลังอาวุธ' พระตะบอง หลังกัมพูชากระหน่ำยิงพลเรือนไทย

ทอ. โจมตีเชิงลึก “คลังอาวุธ” ในพระตะบอง เพื่อปกป้องชีวิตคนไทย หลังกัมพูชากระหน่ำยิงเข้าพื้นที่พลเรือนในสระแก้ว ย้ำภารกิจในพื้นที่”สีส้ม-สีแดง “จวก “กัมพูชา” ยังไม่แสดงความจริงใจต่อคำว่าหยุดยิง ระบุสันติภาพมาพร้อมกับความจริงใจ

ทบ.โต้กัมพูชาบิดเบือน ยันกระสุนคลัสเตอร์มีเป้าหมายทหาร ไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารพลเรือน

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ได้เผยแพร่ภาพวัตถุระเบิด และถ้อยแถลงของ นายลี ทุจ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา CMAA โดยกล่าวอ้างว่า ไทยมีการใช้กระสุนปืนใหญ่แบบกระสุนคลัสเตอร์ M-46 ในหลายประเด็นดังนี้

‘ทหารมีไว้ทำไม’ คำถามเก่าที่ตามหลอนพรรคส้ม!

สถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้บทบาทกองทัพและประเด็นความมั่นคง กลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอย่างชัดเจน