“ชาวบ้านวาปีปทุม" กว่า 100 ราย ร้องดีเอสไอสอบสมาคมฌาปนกิจ-กองทุนสวัสดิการ ฉาวโกงเงินค่าทำศพ 1,400 ล้าน อ้างสำนวนอ่อน ตีตกคดี-ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก
29 พฤษภาคม 2568 - ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชาวบ้านจากอำเภอวาปีปทุม จ.มหาสารคาม กว่า 100 ราย พร้อมด้วย นายสิริ เอกโชติ ทนายความของสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม (LEPA) นายบัญชา จันทร์สุวรรณ ตัวแทนใน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม และในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา ร่วมกันเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร้องขอให้ตรวจสอบสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์อำเภอวาปีปทุม และกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์วาปีปทุม กรณีถูกเบี้ยวเงินค่าทำศพกว่า 1,400 ล้านบาท โดยมี น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้แทนรับเรื่อง
โดยนายบัญชา จันทร์สุวรรณ อายุ 44 ปี ตัวแทนใน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม และในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการกฎหมายและการยุติธรรม วุฒิสภา เปิดเผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าวนี้ แบ่งผู้เสียหายออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มที่ส่งเงินค่าฌาปนกิจแล้วเสียชีวิต แต่กลับยังไม่ได้เงินค่าจัดทำศพ ประมาณ 4,800 ราย มูลค่าพันกว่าล้านบาท
2.กลุ่มที่ไปแจ้งความเมื่อเดือน ส.ค.66 เพราะสมาชิกรู้สึกว่าถ้รหากต้องจ่ายไปอีก จะได้เงินค่าทำศพคืนหรือไม่ จึงตัดสินใจไม่ส่งเงินในเดือน ส.ค.66-ก.ย.66 ทำให้ในเดือน ต.ค.66 นายทะเบียนได้สั่งหยุดจ่ายเงิน ทำให้ในคนกลุ่มนี้ พ้นสภาพไปหลายพันคน
และ 3.กลุ่มที่กำลังจ่ายเงินอยู่กว่า 20,000 ราย ที่จู่ ๆ สมาคมก็หยุดรับ หยุดจ่าย ทำให้สมาชิกอยากได้เงินคืน เพราะรู้สึกเหมือนโดนโกง เนื่องจากคนที่โกงประชาชนก็ยังใช้ชีวิตอยู่แบบลอยหน้าลอยตา ยังใช้ชีวิตหรูหรา ทั้งนี้ ไม่นับรวมกรณีที่พนักงานอัยการภาค 4 ตีตกคดี บอกว่าหลักฐานไม่เพียงพอให้ฟ้อง ประชาชนผู้เสียหายก็ไม่สบายใจ เพราะผู้เสียหายมีจำนวนมาก 4,000 กว่าราย เหตุใดคดีดูเบาเหมือนปุยนุ่น เหตุใดประชาชนถูกลอยแพ
นายบัญชา เผยอีกว่า ตนได้เข้าไปดูตัวเลขของสมาคมฯ มันมีความแปลก ๆ เช่น การจ่ายเงินของสมาคมฯ เมื่อปี 2565 จ่ายเงินงวดแรก 25,000 บาทต่อ 1 ศพ ต่อ 1 ปี แต่สมาชิกมีอยู่ 40,000 เก็บเงินได้ประมาณ 200 กว่าล้านบาท แต่จ่ายเงินไปแค่ 53 ล้านบาท แล้วอีก 100 กว่าล้านบาทหายไปไหน ซึ่งเงินที่ส่ง ๆ ไปเขาไปไว้ไหนเราก็ไม่รู้ อาจจะมีการชี้แจงในวงแคบ เพราะสมาชิกทั้งประเทศมันมีจำนวนเยอะ
นายบัญชา เผยอีกว่า สำหรับการฌาปนกิจ มันมีการเชิญชวน ทั้งการโพสต์ลงเฟสบุ๊ค หรือมีกรรมการเดินเข้าไปตามหมู่บ้าน มีตามงานศพ เอาป้ายไปโชว์ว่าหากเสียชีวิต จะได้ 400,000 บาท พอชาวบ้านเห็นก็มีความรู้สึกว่าคนรอบข้างก็ทำ ทั้ง ๆ ที่คนนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียง เป็นผู้ติดสุราเรื้อรัง บ้างอายุ 90 ปีแล้วก็ยังทำได้ สมาคมก็รับ ดังนั้น หากจ่ายเงินให้สมาคมฯ เดือนละ 400 บาท จำนวน 2 กองทุนก็เพียง 800 บาท หรือ 1 ปี คิดเป็น 9,600 บาท เท่านั้น คนที่อายุ 90 ปี ถ้าอายุยืนร้อยปี ก็จ่ายแค่ 96,000 บาท ก็ได้ 400,000 บาท ทำให้สมาชิกจึงสมัครเข้าไปเรื่อย ๆ และจำนวน 40,000 กว่าราย ไม่ใช่แค่ของจังหวัดมหาสารคาม แต่มันทั่วประเทศ
“มีตัวแทนคล้ายประกัน เดินเข้าไปหาชาวบ้าน มีค่าคอมมิชชั่นด้วย มีค่าตอบแทนในการไปหาสมาชิก รวมถึงช่วงหลัง ๆ มีทำนองว่า ถ้าตายก็ให้ไปหาสมาชิกเข้ามาใส่ก่อน จึงจะได้รับเงินก้อนนี้ อ้างให้เอาลูกหลานมาเป็นสมาชิกต่อแทนคนตาย จึงจะได้รับเงินส่วนดังกล่าว” นายบัญชา ระบุ.
นายบัญชา กล่าวด้วยว่า การที่สมาชิกจ่ายเงิน 1 กอง จำนวน 400 บาท แล้วหากมีผู้เสียชีวิตจะได้เงิน 200,000 บาท ต้องเรียนว่าสมาชิกมีความผันผวน เพราะมันไม่ตรงกับความเป็นจริง หากมีสมาชิกน้อย เงิน 400,000 บาทจะแปรผันไปด้วย ทั้งนี้ สมาชิกหลายท่าน เข้าไปนำเงินส่งในสมาคมฯ ตั้งแต่ปี 2555-2559 แต่สมาคมฯ จดทางการปี 2562 และคนเริ่มสมัครเยอะ ๆ คือช่วงปี 2561 ขณะที่ปี 2563 เป็นช่วงโควิด-19 มีคนป่วยเยอะ ตายเยอะ เป็นช่วงที่สมาชิกพีคสุด คือ 45,000 ราย ทำให้ชาวบ้านตัดสินใจสมัครสมาชิก เพราะคนป่วยในบ้านจะเสียชีวิตเยอะ สมัครไปสมาคมฯ ก็รับ ตนเลยมองว่ามันเหมือนแชร์ลูกโซ่กลาย ๆ หรือไม่ เราไม่แน่ใจ จึงมาขอให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบ
นายบัญชา กล่าวต่อว่า ส่วนกรรมการที่อยู่ในกองทุนฯ ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการบำนาญ เป็นอดีตครูที่เกษียณราชการ บ้างเป็น ผอ.ที่เกษียณราชการ ซึ่งมันยิ่งเป็นการไปสร้างความน่าเชื่อถือให้ชาวบ้านเข้าไปอีก เขาคงไม่หลอกหรอก มีหน้ามีตาทางสังคมกันทั้งนั้น ยิ่งสร้างความมั่นใจให้ประชาชน
นายบัญชา ระบุว่า จำนวน 45,000 ราย คูณด้วย 400 บาทต่อเดือน ถ้าคำนวณตัวเลข ต่อปี ต่อ 1 กองทุน จะอยู่ที่ 400 กว่าล้้านบาทต่อปี แต่ถ้ารวมระดับประเทศต้องมีพุ่งถึงหลักหมื่นล้านบาท ถ้ามองจำนวนคนตายก็หลักพันล้านบาทแล้ว ไหนจะสมาชิกที่เหลืออยู่ แต่ยังไม่เสียชีวิต หากมี 40,000 ราย ก็หลายล้านบาท ทั้งนี้ เราเข้าใจว่าฌาปนกิจสงเคราะห์ มันเหมือนการทำบุญบริจาค มันก็เลยมีผู้เสียหายทั้งกลุ่มที่ตายแล้วยังไม่ได้เงิน จำนวน 400,000 บาท กับกลุ่มที่ยังไม่ตาย แต่เงินที่ส่งไปอยากได้คืน เพราะไม่เชื่อใจแล้ว
นายบัญชา ระบุต่อว่า วันนี้พวกตนมาร้องดีเอสไอ ก็ได้นำพยานหลักฐานทั้งหมดมาให้ ขอใหัดีเอสไอตรวจสอบ อยากให้รับเป็นคดีพิเศษ ส่วนถ้าเจอใครกระทำความผิดตามกฎหมายใด ก็ให้พนักงานสอบสวนใช้อำนาจพิจารณาดำเนินคดีให้ประชาชนผู้เสียหายด้วย เพราะผู้เสียหายมีจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม คงทำสำนวนคดีนี้ไม่ไหว เพราะพนักงานสอบสวนมีเพียงคนเดียว สอบปากคำได้เพียงวันละไม่เกิน 14 ราย ตนจึงอยากให้ดีเอสไอได้เข้ามาทำคดีนี้ ส่วนถ้าหลังจากวันนี้มีความคืบหน้าอย่างไร ทาง ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ ที่เป็นผู้รับเรื่อง จะเเจ้งกลับให้เราทราบว่า อธิบดีฯ รับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ เข้าเงื่อนไขหรือไม่ หรืออย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ปัจจุบันเหลือสมาชิกประมาณ 23,000-24,000 ราย เพราะโดนตัดสิทธิ์เรื่อย ๆ
“ตนต้องบอกว่า 3 เกลอ คือ 1.ฌาปนกิจกองทุน 2.สมาคม และ 3.สหกรณ์ฯ ซึ่งอยู่สำนักงานเดียวกัน สหกรณ์ คือ การเอาเงินไปฝาก ถ้าอยากได้เงินจากสหกรณ์คืน ก็ต้องไปลาออกจากสมาคมฯ และกองทุนฯ ก่อน จึงทำให้มีสมาชิกที่ไปลาออกจากฌาปนกิจด้วย เพื่อที่จะขอเงินกองทุนคืน บางคนออมเดือนละ 100 บาท ส่งมา 8 ปี ก็เป็นหมื่นบาท หากอยากได้เงินหมื่นนี้ ก็ต้องไปลาออกจากกองทุนฯ และฌาปนกิจสงเคราะห์ก่อน ถึงจะได้เงินสหกรณ์คืน ทำให้มีช่วงหนึ่งที่จำนวนสมาชิกลดลงอย่างมาก“ นายบัญชา เสริม.
ด้าน นายสิริ เอกโชติ ทนายความของสมาคมนักกฎหมายคุ้มครองสิทธิและสิ่งแวดล้อม (LEPA) กล่าวว่า สำหรับจำนวนสมาชิกที่สมาคมฯได้รายงานนายทะเบียน ในปี 2567 มีประมาณกองทุนละ 20,000 ราย เพราะ 1 สมาคมเรียกว่า 1 กอง ทั้งนี้ ตนมองว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ในแผ่นดินนี้ พี่น้องประชาชนที่เสียหายจากการนำเงินไปฝากในกองทุนและฌาปนกิจ จึงได้มาขอพึ่งใบบุญของดีเอสไอ ซึ่งตนมองว่าคดีนี้มีความสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนหลายประเด็น ควรมีการนำเอาหลักฐานทั้งหมดเข้าไปสู่มือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอให้ดำเนินการตรวจสอบให้
ขณะที่ นางมะลิวัลย์ มีประทัง อายุ 54 ปี 1 ในผู้เสียหายของกองทุนฯ กล่าวว่า ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นหลังทำประกันฌาปนกิจสงเคราะห์ปี 61 ความหวัง คือ เงินที่ได้จะเอามาจุนเจือครอบครัว เพราะตนเองไม่ใช่คนร่ำรวย ส่งเงินตามกฎระเบียบของสมาคมทุกอย่าง พอมีปัญหาพยายามตามข่าวก็ไม่ทราบ รู้อีกทีคือสั่งปิดกองทุนไปแล้ว ความหวังที่จะได้เงินกลับเลื่อนลอย จึงสงสัยว่าความเสียหายนี้เกิดจากอะไร กรรมการทำไมไม่รับผิดชอบ ไปแจ้งความก็ไม่คืบหน้า วันนี้จึงมาหาความยุติธรรมที่นี่ ส่วนเหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เขาแจ้งว่าสำนวนอ่อนเกินไป นั่นคือสิ่งที่คาใจจนถึงตอนนี้ จึงอยากขอให้ดีเอสไอเข้ามาช่วยเหลือพวกเราด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ
"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย
รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ
รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน
จ่อฟันซ้ำ! 'ผบ.คุก - 19 ผู้คุม' พักราชการ-ให้ออกไว้ก่อน
'โฆษกกรมราชทัณฑ์' เผยอีก 1-2 วันนี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 'ผบ.เรือนจำฯ-จนท.' รวม 20 ราย ส่อ 'พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ 'ดีเอสไอ' ลุยสอบปากคำเก็บหลักฐานมัดผิด
รมว.ยุติธรรม ตั้งดีเอสไอ ร่วมสืบสวนคดีคุก VIP เอื้อนักโทษจีนเทา มีนางแบบจีนส่งถึงที่
"รมว.ยุติธรรม" ลั่นไม่ปล่อยผ่าน ผู้คุมเรือนจำพิเศษเอื้อประโยชน์จีนเทา พบหลักฐานชัดผู้คุม 7 นายพานางแบบจีน 2 คนเข้า “ห้องดัดแปลง” กลางวันแสกๆ เผยสามารถกู้ภาพวงจรปิดได้บางส่วนหลังถูกมือมืดลบข้อมูล จับภาพนักโทษจีนเทาเดินเพ่นพ่านในพื้นที่ต้องห้าม ส่วนผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายถูกย้ายทันที เผยพรุ่งนี้เตรียมบุกเข้าเรือนจำตรวจข้อเท็จจริง
สอบครอบครัว‘ก๊กอาน’ ลูก3คนพันสแกมเมอร์
"ดีเอสไอ" ประสานข้อมูล “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ลุยตรวจสอบ "5 ธุรกิจในไทย"
'ดีเอสไอ' ลุยสอบ '5 ธุรกิจในไทย' ครอบครัวก๊ก อาน พัวพันกาสิโน ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์
“ดีเอสไอ" ประสานข้อมูล “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า” ลุยตรวจสอบ ”5 ธุรกิจในไทย“ ครอบครัวก๊กอาน เบื้องต้นพบ “ลูก 3 คน” นั่งกรรมการบริหารด้วยตัวเอง หลัง ”กรมการปกครอง“ เพิกถอนสัญชาติไทย "ก๊กอานและบุตร 3 คน"


