
นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นด้วยกับแนวปฏิบัติฟ้องคดี “เมาแล้วขับ” ของอัยการ หนุนขอให้ศาลสั่งริบรถของกลาง เหตุดื่มแล้วขับขี่สะท้อนเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย ยกเคสฝรั่งเศสก็ทำเช่นนี้ ระบุบังคับใช้กฎหมายจริงจังมีผลดีกว่าการเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้น แนะตำรวจควรติดกล้องขณะปฏิบัติหน้าที่
15 มิ.ย. 2568 – รศ. ดร.ปกป้อง ศรีสนิท คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับการที่สำนักงานอัยการสูงสุดได้กำหนดแนวทางปฏิบัติในการฟ้องคดีให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่งริบรถของกลางได้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาเมาแล้วขับมีลักษณะเป็นการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น โดยหลักในการริบทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจะดำเนินการเฉพาะฐานที่ผู้กระทำความผิดได้กระทำโดยเจตนาเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่รู้ในเบื้องต้นอยู่แล้วว่าตัวเองเมาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแล้วยังไปขับรถ ย่อมแสดงถึงเจตนาอย่างชัดเจนที่จะฝ่าฝืนกฎหมาย โดยหลักการจึงสามารถริบรถได้
“เห็นด้วยหากศาลอาจจะมีคำสั่งริบรถของคนที่เมาแล้วขับ เพราะการริบทรัพย์เป็นการริบเพื่อไม่ให้เขาไปทำผิดอีกในอนาคต แต่โดยหลักการแล้วต้องไม่ใช้การเอามาใช้เป็นกรณีทั่วๆ ไป มันต้องอยู่บนหลักพื้นฐานของการลงโทษที่ได้สัดส่วนและมีเหตุจำเป็น ยกตัวอย่างการริบรถคนเมาแล้วขับในประเทศฝรั่งเศสก็จะริบเฉพาะกรณีร้ายแรง เช่น กระทำผิดซ้ำ หรือเมาแล้วขับจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุมีคนตายหรือบาดเจ็บ เป็นต้น” รศ. ดร.ปกป้อง กล่าว
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การยกระดับมาตรการความรุนแรงทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาเป็นสิ่งที่กระทำได้ แต่ในเชิงทฤษฎีแล้วหากไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แม้กฎหมายจะมีโทษรุนแรงเพียงใดคนก็จะไม่เกรงกลัว ฉะนั้นต่อให้เราเพิ่มโทษริบรถยนต์หรือเพิ่มโทษปรับเป็นร้อยเท่า สองร้อยเท่า แต่ถ้าไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีการจับ การปรับจริงๆ หรือยังปรากฏการให้สินบนเจ้าหน้าที่ หรือมีการขอให้ล้มคดี ขอให้ปล่อยตัวคนเมาแล้วขับ ที่สุดแล้วก็จะไม่มีใครเกรงกลัวกฎหมาย ฉะนั้นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่การเพิ่มโทษ แต่อยู่ที่การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ดังนั้นควรจะกำหนดให้ตำรวจที่ตั้งด่านติดกล้องขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการทำหน้าที่และคุ้มครองเจ้าหน้าที่ที่สุจริต จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับมีประสิทธิภาพมากขึ้น
รศ. ดร.ปกป้อง กล่าวต่อไปถึงกรณีผู้กระทำความผิดโดยไม่ได้ใช้รถของตนเองว่า หากมีพบว่าทรัพย์นั้นเป็นของคนอื่นที่ไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำความผิด เจ้าของทรัพย์สามารถขอคืนทรัพย์หรือรถคันดังกล่าวได้ แต่หากบุคลคลผู้เป็นเจ้าของรถให้ยืมรถโดยรู้ว่าผู้ที่ยืมรถมีอาการเมา และจะนำรถของตนไปขับ กรณีเช่นนี้จะสามารถริบรถได้ เพราะถือว่าได้มีส่วนรู้เห็นกับการที่ผู้อื่นเมาแล้วขับ แล้วได้กระทำความผิด รายละเอียดเหล่านี้ คือหลักกฎหมายที่มีอยู่เดิมแล้ว โดยไม่ต้องไปแก้ไข หรือปรับปรุงเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการ มธ. หนุนเร่งปิดดีล FTA ชี้ ‘UAE’ โอกาสใหม่-คนละครึ่งพลัสดีแต่กระตุ้นสั้น
นักวิชาการธรรมศาสตร์ หนุนรัฐเร่งปิดดีล FTA กระจายตลาดลดพึ่งพาสหรัฐฯ ชี้ดีลไทย–แคนาดามีช่องว่างโต แต่ต้องกันซ้ำกับเงื่อนไขอาเซียน พร้อมชวนมองโอกาสใหม่จาก UAE ส่วน “คนละครึ่งพลัสเฟส 2” ช่วยได้แค่สั้น ๆ ระยะยาวต้องดันท่องเที่ยวดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา
ต้องโดนกี่ข้อหา! เมาซิ่งกระบะย้อนศร ชนเด็ก 13 ดับสลด
ร.ต.ท.พงศ์พิสุทธิ์ มหาเศรษวรกุล รองสารวัตรสอบสวน สภ.สัตหีบ รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุ รถกระบะย้อนศร พุ่งชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต บนถนนสุขุมวิท ช่วงกิโลเมตรที่ 2 เส้นทางขาเข้าสัตหีบ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงพร้อมด้วย หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ รุดตรวจสอบ
นักวิชาการหนุนแนวคิด'อนุทิน'ขยายเกษียณอายุราชการ
นักวิชาการธรรมศาสตร์ หนุนแนวคิด อนุทิน ขยายเกษียณอายุราชการเป็น 65 ปี ชี้หากไม่ปรับ สูงวัยจะเอาเงินที่ไหนยังชีพ
จำคุก 2 เดือน 'มารี เบิร์นเนอร์' เมาแล้วขับ หนุ่มคนสนิทโดนคุก 1 เดือน ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ศาลเเขวงพระนครเหนือ จำคุก "มารี" 2 เดือนรอลงอาญา 2 ปี พักใบขับขี่ 6 เดือน เมาเเล้วขับ ส่วน “บอส” โดนดูหมิ่นเจ้าพนักงานคุก 1 เดือนรอลงอาญา 1 ปี
'ผู้การเมืองคอน' สั่งสอบ ตร.เมาขับชนชาวบ้าน ผิดจริงลงโทษหนัก
พล.ต.ต.โชคดี ราชรินทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช แถลงข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจเมาแล้วขับ ก่อเหตุเฉี่ยวชนรถต่อเนื่องถึง 3 คัน บนถนนเสริมชาติ ซอย 5 ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช
'เมาแล้วขับ' มีหนาว อัยการชงเพิ่มข้อหา - ริบรถของกลาง
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยบนท้องถนนที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย


