บุกจับพระนอกรีต 154 รูป ลั่นจังหวัดไหนผิดเกิน 3 รูป ย้ายสำนักพุทธทันที

เปิดปฏิบัติการใหญ่ทั่วประเทศ กวาดพระสงฆ์มีหมายจับ-ผิดวินัย ลุยเช็กวัด มูลนิธิ ทรัพย์สิน สั่งเข้มถ้ามีผิดซ้ำ ย้ายผู้ดูแลศาสนาออกทันที

5 สิงหาคม 2568 – ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวเปิดปฏิบัติการ “ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา” นำกำลังเข้าตรวจค้นเป้าหมายทั่วประเทศ

พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตำรวจสอบสวนกลางเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทำนุบำรุงศาสนา ต่อมารัฐบาลเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ ครอบคลุมทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจากทุกภาคส่วน มี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธาน โดยมีเจ้าหน้าที่จาก ป.ป.ท., ปปง., ป.ป.ช. และสำนักพุทธ ร่วมทำงาน

จากการประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน พบว่ามีพระภิกษุสงฆ์ที่ประพฤติไม่เหมาะสม และมีหมายจับจำนวนมาก จึงดำเนินการปฏิบัติการในวันนี้กับพระสงฆ์ 154 เป้าหมาย และพระที่ลาสิกขาไปแล้วอีก 27 เป้าหมาย

สำหรับพระภิกษุที่ยังครองผ้า ขณะนี้จับกุมได้แล้ว 136 ราย ส่วนใหญ่รับสารภาพ แต่ยังมีบางรูปที่ยังไม่ลาสิกขา และต้องการครองผ้าเหลืองเป็นเครื่องค้ำจุนตนเอง อย่างไรก็ตาม มหาเถรสมาคมได้แก้ไขระเบียบเดิมที่ใช้เวลาลาสิกขานาน โดยปรับจาก 3 ปี เหลือเพียง 10 วัน เพื่อให้สามารถดำเนินการกับพระที่ทำผิดได้รวดเร็ว โดยพระที่ยังไม่ลาสิกขา จะให้พระชั้นผู้ใหญ่ดำเนินการลาสิกขา และเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

หลังจากนี้ยังมีภารกิจต่อเนื่องในระดับนโยบาย ทั้งการจัดทำข้อมูลวัด พระภิกษุสงฆ์ และสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในวัด รวมถึงมูลนิธิที่อาจแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยจะตรวจสอบและจัดการให้หมด พร้อมส่งสัญญาณชัดเจนว่า หากยังมีพระนอกรีดแอบอ้างผ้าเหลืองแสวงหาผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเรื่องใด จะต้องถูกกวาดล้างให้หมด

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ระบุว่า การปฏิบัติการครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายหน่วยงาน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทำให้เห็นผู้ที่แฝงตัวในผ้าเหลือง โดยยืนยันว่าจะกวาดล้างคนกลุ่มนี้ แต่ยังคงส่งเสริมพระที่ดีเช่นเดิม หากใครมีเบาะแสสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ โดยจะตรวจสอบอย่างเป็นธรรม

ขณะที่ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขา ป.ป.ท. กล่าวว่า พระที่มีตำแหน่งถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากกระทำผิดจะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะผิดกฎสงฆ์หรือกฎหมายบ้านเมือง วัดไม่ใช่ที่อยู่ของบุคคลเหล่านี้อีกต่อไป ที่ผ่านมาเคยใช้วัดเป็นที่พักพิง และอ้างศาสนาเป็นเครื่องป้องกันตัว ทั้งที่กระทำผิดกฎหมายและศีลธรรม ขอให้กลับตัวกลับใจและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

พล.ต.อ.ไกรบุญ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีบางรายที่ใช้ผ้าเหลืองเป็นช่องทางหลบหนีออกนอกประเทศ จึงได้เชิญเลขา ป.ป.ง. เข้าร่วมคณะทำงาน ส่งสัญญาณไปยังประเทศต่าง ๆ แล้วว่ากฎหมายฟอกเงินจะตามไปทุกแห่ง ไม่ว่าจะหนีไปที่ใดก็สามารถนำตัวกลับมาดำเนินคดี และยึดทรัพย์กลับคืนประเทศได้ทั้งหมด

“ทางเจ้าหน้าที่ได้ตกลงกับสำนักพุทธไว้แล้ว ต่อไปนี้ หากจังหวัดใดมีพระกระทำผิดวินัยเกิน 3 รูป จะย้ายสำนักพุทธจังหวัดทันที ใช้มาตรฐานเดียวกับตำรวจ” รอง ผบ.ตร.กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โทษหนักไปหาเบาตามวินัยสงฆ์ เมื่อ 'พระภิกษุ' ละเมิดศีล

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม และอดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมื่อพระภิกษุสงฆ์ละเมิดพระธรรมวินัย พระภิกษุ ไม่ได้ถือศีลครบทั้ง 227 ข้อตลอดเวลาหรอก บางครั้งบางคราว ท่านก็ผิดศีลหรือละเมิดพระวินัยได้เหมือนกัน

'หลวงพ่ออลงกต' จากสมณเพศแห่งธรรม สู่ผ้าเหลืองในตลาดศรัทธา!

สมณเพศ ที่ควรสูงส่งดัง ระฆังศรัทธากลับแตกกังวานเป็นเสียง บัญชีและตัวเลข “หลวงพ่ออลงกต” คือภาพฉายว่าเมื่อ บาตร กลายเป็น ภาชนะรั่วไหล และ ผ้าเหลือง ถูกแขวนขายกลาง ตลาดบุญ สิ่งที่สังคมสูญเสียมิใช่พระรูปเดียวแต่คือรอยร้าวใหม่ที่สั่นคลอนความเชื่อในพุทธศาสนา

ตรวจสองวัดดังร่อนพิบูลย์ พระเสพยาบ้า 7 รูป-วัดพิศาลนฤมิตรเจอเกือบยกวัด!

ฝ่ายปกครองร่อนพิบูลย์บุกตรวจสองวัดใหญ่ พบพระสงฆ์เสพยาบ้ารวม 7 รูป วัดพิศาลนฤมิตรเจอมากถึง 6 รูปในครั้งเดียว ชาวบ้านสะเทือนใจ

สว.ภิญญาพัชญ์ ซัดปมสีกาทำพระเสื่อม จี้รัฐเร่งฟื้นศรัทธาศาสนา

สว.ภิญญาพัชญ์ หารือกลางวุฒิสภา วอนทวงความยุติธรรมให้พระดี หลังศรัทธาสาธารณชนถูกสั่นคลอนหนักจากพฤติกรรม “สีกา” ซัดรัฐ-หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่แก้ปั