ว่าที่ผบ.ทร. ยืนยันรักษาอธิปไตยทางบก-อาณาเขตทางทะเลตั้งแต่ปี 2506 เตรียม หารือ ผบ. เหล่าทัพประสาน ทภ.1-2 วางแผนรับมือสถานการณ์ชายแดน เผย รื้อ3ฐานทหารบ้านชำราก เจรจากลบคูเลตให้ได้ พร้อมใช้ไม้แข็ง หากไม่ได้รับความร่วมมือจากเพื่อนบ้าน สานต่อนโยบายเรือดำน้ำ-เรือฟริเกต
29 กันยายน 2568 - เวลา 10.50 น. ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารับตำแหน่ง ผบ.ทร. ถึงนโยบายจะมีการสานต่อว่า นโยบายหากมีความต่อเนื่องจะทำให้กองทัพมีความยั่งยืน นโยบายที่ พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผบ.ทร.คนเก่า ได้กำหนดไว้มีหลายเรื่อง และดำเนินการไปแล้วหลายเรื่อง ซึ่งก็เป็นนโยบายที่ดีที่เราต้องสานต่อ และนโยบายก็สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่เรากำลังดำเนินการอยู่ เช่น นโยบายเรือดำน้ำ นโยบายเรือฟริเกต ที่มีการผลักดันให้ดำเนินการต่อได้โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามา เช่น นำอากาศยานไร้คนขับทุกประเภทมาดำเนินการต่อ ซึ่งเราก็จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ทางสมาคมภริยาทหารเรือ ได้มีการร่วมกันทำในเรื่องของการดูแลชั้นผู้น้อยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ในเรื่องของการใช้จ่ายเรื่องให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ในส่วนนี้เราก็จะดำเนินการต่อไป รวมถึงนโยบายที่ดีที่เราได้มีการดำเนินการต่อไปคือ นโยบาย NAVY SAFETY 2025 การทำให้กำลังพลปลอดภัย ก็จะดำเนินการต่อไปเช่นกัน เพียงแต่ว่าจะทำอะไรให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น และมีความยั่งยืนมากขึ้น
เมื่อถามว่านโยบายในเรื่องของการปกป้องอธิปไตย ของชาติ ในส่วนของกองทัพเรือจะมุ่งแนวทางใดเป็นหลัก พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า กองทัพเรือยืนยันในการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติตามที่ได้มีการประกาศไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 ในพื้นที่ทางทะเล และข้อตกลงที่อยู่บริเวณบนบกที่เรารับผิดชอบประมาณ 250 กิโลเมตร ที่จังหวัดจันทบุรีและตราด ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่มีชาวกัมพูชาอยู่ในพื้นที่ ยกเว้นชาวกัมพูชาที่เข้ามาอยู่ก่อนแล้ว และอยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะมีชาวกัมพูชาทำงานอยู่บ้างประปราย แต่ได้ทำงานอย่างถูกต้องตามกฏหมาย
พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า แต่ในทางทะเล เช่น เกาะกูด เรายืนยันในการรักษาพื้นที่แนวเส้นอาณาเขตทางทะเลที่เรา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 เรายืนยันที่จะดำเนินการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามนั้น ส่วนเรื่องความพร้อมที่จะให้กำลังทั้งทางเรือและทางบกในพื้นที่จันทบุรีและตราดที่เรารับผิดชอบนั้น เราก็จะสั่งการให้มีความพร้อม ซึ่งตนก็ได้สั่งการไปแล้วว่าให้ดำเนินการตรวจสอบแผนรายละเอียด และหากมีการขยายสถานการณ์เราก็มีความพร้อม โดยเราก็เพิ่มเติมยุทโธปกรณ์ให้กับกำลังของเรา ไม่ว่าจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ โดรนโจมตี และแอนตี้โดรน รวมถึงระบบตรวจกาณ์รกลางคืน เราก็ส่งไปยังพื้นที่ที่มีการจัดสรรงบประมาณ
พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ส่วนกำลังทางทะเลเราก็ให้มีการฝึกเพื่อที่จะให้สนับสนุนกำลังทางบกของเราได้ เพราะจากที่เราประเมิน ศักย์สงครามของเราทางทะเลค่อนข้างสูงกว่าฝ่ายกัมพูชา เพราะที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นเรือรบที่มีปืนใหญ่สามารถระดมยิงอีกฝั่งนั้นได้ ตรงนี้เราก็จะให้มีการฝึกเพื่อที่จะให้มีการสนับสนุนกำลังทางบกไปในตัวด้วย
เมื่อถามว่า กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี ตราด เขายึดพื้นที่ฐานทหารเดิมทั้ง 3 หลัง เป็นการสร้างความมั่นใจให้ด้วยใช่หรือไม่ว่าเราจะสามารถดูแลพื้นที่ของเราได้ พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า เป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้รับทราบว่าเราจะรักษาเส้นเขตแดนที่เป็นของเรา ส่วนบ้าน 3 หลังหรือบริเวณอื่นๆ กองทัพเรือก็พยายามกดดันมาตลอด จนมีการรื้อถอนออกไป ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีที่เราสามารถดำเนินการได้ทั้ง 3 หลัง ส่วนที่อื่น เช่น คูเลต หรืออาจเป็นการลุกล้ำไปสร้างถนน หรือสร้างคูเลตเข้ามาฝั่งไทย เราก็จะเข้าไปเจรจาเพื่อให้กัมพูชาเปลี่ยนเส้นทาง และกลบคูเลต ให้เป็นไปตามข้อตกลงที่มีอยู่ร่วมกัน
เมื่อถามว่าจะเริ่มด้วยการเจรจาก่อน หากไม่ร่วมปฏิบัติ ก็จะใช้ไม้แข็งใช่หรือไม่ พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า ครับ เรากดดันมาตลอดตั้งแต่กองทัพเรือเริ่มตรวจพบ ก็ได้มีการประท้วงและกดดัน แล้วที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีผลการตอบรับสักเท่าไหร่กับฝ่ายกัมพูชา แต่ช่วงหลังมานี้สถานการณ์มีความเข้มข้นขึ้น กัมพูชาก็ยอมรับในบางจุดมีการรื้อถอนออกไปบ้างและระงับการดำเนินการในแทบทุกจุด
เมื่อถามว่าเหล่าทัพต้องมีการหารือร่วมกันวางแผนชายแดนอย่างไรบ้าง ผบ.ทร. กล่าวว่า ทุกเหล่าทัพต้องหารือร่วมกันและประสานแผน ทั้งกองทัพภาคที่1-2 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เพื่อทำไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้ทวีกำลังในการกดดันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งรัฐบาลก็จะกำหนดเรื่องเศรษฐกิจและการทูต ในการทหารก็จะกดดันพร้อมกันไป เพื่อให้การทวีกำลังในการกดดันได้ผลมากขึ้น
เมื่อถามถึงการขีดเส้นพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว วันที่ 10 ต.ค.นี้ ให้ชาวกัมพูชาอพยพออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ทาง ทร. จะสนับสนุนกองทัพภาคที่ 1 อย่างไรบ้าง ผบ.ทร. กล่าวว่า เราพร้อมเพราะมีการประสานแผนตลอด ผบ.กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด รายงานอยู่ตลอด ซึ่งพุดคุยกับกองทัพภาคที่1-2 ถือว่าเราได้ประสานการปฏิบัติ เราทำงานจังหวะของการเดิน ก็ต้องไปด้วยกัน
ส่วนรูปแบบการทำงานของ ผบ.ทร. เป็นอย่างไร พล.ร.อ.ไพโรจน์ กล่าวว่า “เข้มข้นมาทุกยุคแต่จะมุ่งเน้นในจุดไหน ผมมีประสบการณืปฏิบัติการทางบก ดูในเรื่องกาปรระสานแผน กำหนดยุทธศาสตร์ ก็จะต้องการปฏิบัติของน้องๆ และหน่วย”
เมื่อถามว่านอกจาก 17 พื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำขึ้นมา มีพื้นที่อื่นๆ เพิ่มอีกหรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีการมาเพิ่ม แต่บางจุดเราประท้วงเขาก็หยุดสร้าง แต่บางจุดเราประท้วง เช่น บางคูเลตเขาก็กลบ ถนนบางสายเมื่อเขาทำแล้ว ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เลี้ยวมาในไทย เขาก็หลีกเลี่ยงไปทางอื่น แต่ส่วนใหญ่ฐานที่มั่นทางทหารก็จะมีที่บ้างชำรากเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทำสำเร็จ! ทหารนาวิกโยธิน ยึดคืนพื้นที่บ้านท่าเส้น-กาสิโนทมอดา จ.ตราด ฝ่ายไทยปลอดภัยไม่สูญเสีย
พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ดำเนินการเข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่บริเวณ บ้านท่าเส้น ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด รวมถึงพื้นที่อาคาร
ทัพเรือเผยเหตุเขมรบุกหนัก เคยใช้สไนป์เปอร์ลอบยิง ผบ.หน่วย ก่อนเปิดฉากรบ
โฆษกกองทัพเรือเปิดเผย ช่วงก่อนการโจมตีบ้านเรือน 3 หลัง ฝ่ายกัมพูชามีความพยายามยั่วยุหลายครั้ง รวมถึงเหตุใช้พลซุ่มยิงลอบยิงผู้บังคับหน่วยระดับผู้นำ ก่อนสถานการณ์พัฒนาไปสู่การสู้รบ
กองทัพบกประณามกัมพูชา ใช้กำลังโจมตีพลเรือนชายแดน
โฆษกกองทัพบกระบุ การโจมตีชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการใช้กำลังไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยจำนวนมาก
ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น
กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม
ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ
กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ
'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!
ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

