ไทยเดินหน้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดฝ่ายเดียว แม้กัมพูชาไม่ร่วมมือตามข้อตกลง

ทบ. ย้ำพบ “ทุ่นระเบิด PMN-1” จำนวน 3 ทุ่น ย้ำเดินหน้าเก็บกู้ต่อเนื่อง แม้กัมพูชาไม่เข้าร่วม เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

11 ตุลาคม 2568 - กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังบูรพาเกี่ยวกับความคืบหน้าภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยจากการปฏิบัติได้ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-1 จำนวน 3 ทุ่น อยู่ในสภาพเก่าแต่ยังสามารถใช้งานได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเก็บกู้ตามขั้นตอนอย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

สำหรับทุ่นระเบิดที่ตรวจพบในครั้งนี้เป็นทุ่นระเบิดเก่าที่ตกค้างมาตั้งแต่ช่วงสงครามในอดีต ซึ่งไม่สามารถเก็บกู้ได้ครบถ้วน เนื่องจากในขณะนั้นฝ่ายกัมพูชาไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ไทยเข้าไปดำเนินการในพื้นที่ และเมื่อพิจารณาจากชนิดของทุ่นระเบิดพบว่าเป็นของฝ่ายกัมพูชา

การพบทุ่นระเบิดในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศควรให้ความสำคัญและร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามข้อตกลงที่ได้ร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 เพื่อทำให้พื้นที่ชายแดนปลอดภัยอย่างยั่งยืน โดยฝ่ายไทยพร้อมดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อไป แม้ว่าฝ่ายกัมพูชาจะไม่เข้าร่วม ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและเป็นไปตามหลักมนุษยธรรมสากล

ด้าน พ.อ.ศิวะ หว่างอากาศ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.อุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้กรุณาอนุมัติให้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติจัดชุดเครื่องจักรกวาดล้างทุ่นระเบิดเข้าปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดและสรรพาวุธที่ยังไม่ระเบิดที่ตกค้างจากสงคราม ในพื้นที่ บ.หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ๆอยู่ในแผนปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ด้านมนุษยธรรมของประเทศไทยตามอนุสัญญาออตตาวา

ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถูกทหารกัมพูชาขัดขวางมาโดยตลอด โดยมอบหมายให้ พล.อ.รังพิรัชต์ แย้มเกษร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ กำกับดูแลและประสานการปฏิบัติกับกองกำลังบูรพา เพื่อมุ่งให้เกิดความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานรวมทั้งประชาชนในพื้นที่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินของตนเองได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กองทัพบกประณามกัมพูชา ใช้กำลังโจมตีพลเรือนชายแดน

โฆษกกองทัพบกระบุ การโจมตีชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการใช้กำลังไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยจำนวนมาก

ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น

กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม

ทภ.2 มีหลักฐานเขมรละเมิดอนุสัญญาเจนีวา-กฎหมายมนุษยธรรม 3 ประการ

กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ

'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!

ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

‘จตุพร’ เตือนสงครามไทย-กัมพูชา ต้องไม่จบแบบโง่ๆ แค่ให้พ้นสิ้นปี

จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาคืนดินแดนไทยและหยุดยิงจริง ชี้หากสงครามจะยุติในช่วงสิ้นปี ต้องไม่จบแบบลวงโลกหรือซ้ำรอยการหยุดยิงรอบแรก พร้อมย้ำไทยไม่อาจแลกแผ่นดินกับสันติภาพจอมปลอม

ไทยมีมนุษยธรรม นำชิ้นส่วนศพทหารเขมร ฝาก รพ. เก็บไว้ แม้กัมพูชาปฏิเสธรับกลับ

ศพทหารกัมพูชาที่ชายแดน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง หลังกัมพูชาปฏิเสธรับศพทหารตัวเองกลับ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เก็บชิ้นส่วนศพทหารเขมร ฝาก รพ.ตราด รอประสานหน่วยงานกัมพูชามารับกลับภายหลัง