‘ซูเปอร์โพล’ เผยสถานการณ์ไทย-กัมพูชาทำคนไทยเครียด

19 ต.ค. 2568 – สำนักวิจัยซูเปอร์โพลสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เปิดเผยรายงานผลสำรวจเรื่อง ความเครียดคนไทยต่อสถานการณ์ไทย กัมพูชา จากกลุ่มตัวอย่างทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 1,121 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 – 18 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สะท้อนความรู้สึก ความตระหนัก และแรงสั่นสะเทือนทางอารมณ์ของสังคมไทยในห้วงเวลาที่ความตึงเครียดบริเวณชายแดนทวีความเข้มข้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 42.1 ระบุว่า “เครียดมาก–มากที่สุด” ขณะที่ร้อยละ 27.1 ระบุว่า “เครียดปานกลาง” และมีเพียงร้อยละ 30.8 ที่ระบุว่า “เครียดน้อยหรือไม่เครียดเลย” ซึ่งหมายความว่า มากกว่าสองในสามของประชาชนไทยทั้งหมดมีระดับความเครียดตั้งแต่ปานกลางไปจนถึงสูง ความรู้สึกดังกล่าวมิได้เป็นเพียงการตอบสนองต่อข่าวเหตุการณ์ แต่เป็นสัญญาณทางสังคมที่ชัดเจนว่า ความขัดแย้งชายแดนไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไทยส่วนใหญ่เลยแม้แต่น้อย

เมื่อพิจารณาตามช่วงวัย พบว่า กลุ่มผู้สูงอายุหรือ Baby Boomers มีระดับความเครียดเฉลี่ยสูงที่สุดที่ 6.13 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน รองลงมาคือกลุ่ม Gen X ที่ 5.87 คะแนน ในขณะที่ Gen Y มีค่าเฉลี่ย 5.32 คะแนน และกลุ่มที่มีความเครียดต่ำที่สุดคือ Gen Z ซึ่งมีเพียง 4.18 คะแนน ความแตกต่างนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนช่องว่างระหว่างวัย หากยังสะท้อนความแตกต่างในระดับการรับรู้ ความผูกพัน และประสบการณ์ชีวิตที่เชื่อมโยงกับสถานการณ์ความมั่นคงของชาติ สำหรับคนรุ่นใหญ่ ความขัดแย้งชายแดนไม่ใช่เพียงภาพข่าวในโลกออนไลน์ แต่คือประสบการณ์ร่วมที่สั่งสมอยู่ในความทรงจำของพวกเขา ความผูกพันกับความเป็นเจ้าของผืนแผ่นดิน ความรู้สึกหวงแหน ความห่วงใยต่อประเทศชาติและลูกหลาน ล้วนเป็นแรงอารมณ์ที่ผลักดันให้เกิดระดับความเครียดที่สูงกว่าคนรุ่นใหม่ที่มีระยะห่างจากประสบการณ์ตรง

ที่น่าสนใจคือ ความแตกต่างด้านพื้นที่ยิ่งตอกย้ำความจริงข้อนี้ ประชาชนในจังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชามีระดับความเครียดเฉลี่ยสูงถึง 6.85 คะแนน ซึ่งมากกว่าประชาชนในพื้นที่อื่นของประเทศที่มีค่าเฉลี่ยเพียง 4.13 คะแนน ความแตกต่างที่มากเกือบสองเท่านี้ สะท้อนอย่างตรงไปตรงมาว่าระยะทางจากจุดความขัดแย้งมีความสัมพันธ์โดยตรงกับความรู้สึกไม่มั่นคงและความวิตกกังวลของประชาชน ผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดนไม่ได้มองเหตุการณ์นี้เพียงเป็นข่าว พวกเขารับรู้ความไม่แน่นอนในชีวิตประจำวัน ทั้งความปลอดภัย การประกอบอาชีพ และความสงบในครอบครัว

สิ่งที่ควรตระหนักยิ่งกว่านั้น คือช่องทางข่าวสารที่ผู้คนใช้ติดตามสถานการณ์ซึ่งมีอิทธิพลต่อความรู้สึกโดยตรง ร้อยละ 60.8 ของประชาชนติดตามข่าวผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok, Facebook, LINE และ X (Twitter เดิม) ซึ่งเป็นช่องทางที่แพร่กระจายทั้งข้อมูลจริงและข้อมูลบิดเบือนอย่างรวดเร็ว รองลงมาคือโทรทัศน์และวิทยุร้อยละ 34.6 การพูดคุยภายในครอบครัว เพื่อน และชุมชนร้อยละ 27.9 สำนักข่าวออนไลน์ร้อยละ 20.1 และช่องทางอื่น เช่น ราชการหรือหนังสือพิมพ์ร้อยละ 7.9 ช่องทางเหล่านี้ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย ทำหน้าที่เป็น “สนามอารมณ์” ที่กระตุ้นและเร่งปฏิกิริยาของผู้คนในวงกว้าง หากไม่มีการจัดการที่ดี ความวิตกกังวลในระดับบุคคลสามารถลุกลามเป็นความตึงเครียดในระดับสังคมได้อย่างรวดเร็ว

ที่น่าพิจารณา คือ เมื่อมองลึกลงไปถึงปัจจัยขับเคลื่อนความเครียด พบว่ามีลักษณะทั้งด้านข้อมูล อารมณ์ และโครงสร้างสังคม ปัจจัยสำคัญที่สุดคือการเปิดรับข่าวความขัดแย้งมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน (57.1%) รองลงมาคือความแตกแยกภายในสังคมไทยเอง (55.3%) และปัญหาเศรษฐกิจ ภาระหนี้สินในชีวิตประจำวัน (50.2%) รวมถึงการอยู่ใกล้พื้นที่ชายแดน (32.9%) และความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อการจัดการปัญหาของรัฐ (31.4%) ข้อมูลนี้ชี้ชัดว่าความเครียดมิได้เกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเพียงลำพัง แต่เป็นผลของความรู้สึกหลายมิติที่ซ้อนทับกัน ทั้งความกลัว ความไม่มั่นใจ ความแตกแยกทางสังคม และความรู้สึกว่าสถานการณ์นี้อาจกระทบชีวิตของตนและครอบครัวได้ทุกเมื่อ

รายงานของซูเปอร์โพล ระบุต่อว่า นอกจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง ยังมีมิติทางอารมณ์ที่ทรงพลัง ซึ่งไม่อาจละเลยได้ คนจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ มีความรู้สึกหวงแหนผืนแผ่นดินไทยอย่างลึกซึ้ง ความเครียดไม่ได้มาจากข่าวเพียงอย่างเดียว แต่มาจากความเจ็บปวดทางใจเมื่อเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับความสูญเสียของคนไทย ทั้งทหาร เด็ก และครอบครัว ความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือเพื่อนบ้านในยามยาก เช่น การให้พื้นที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัย ได้ถูกเปรียบเทียบกับการรับรู้ในปัจจุบันที่บางคนมองว่าอีกฝ่าย “เนรคุณ” ความรู้สึกเหล่านี้จึงกลายเป็นแรงอารมณ์ที่หล่อหลอมความเครียดของสังคมไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์จริง

สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความเครียดของคนไทยไม่ใช่เพียงอาการทางจิตใจเฉพาะบุคคล แต่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่สะท้อนความเปราะบางของความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ และความเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคมไทย ยิ่งไปกว่านั้นยังสะท้อนความสำคัญของ “ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง” และ “การสื่อสารอย่างมีความรับผิดชอบ” ในสถานการณ์วิกฤต

ในรายงานของซูเปอร์โพล ยังระบุถึงข้อเสนอเชิงนโยบายที่ (1) ควรมุ่งเสริมสร้างความเชื่อมั่น ความเป็นปึกแผ่นไม่แตกแยกและลดความตึงเครียดของสังคมในระดับโครงสร้างถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในมือประชาชน (2) ควรมีศูนย์สื่อสารกลางที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลจริงแบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันข่าวสารกระตุ้นอารมณ์ของผู้คนโดยไร้การควบคุม ควบคู่กับการสื่อสารเชิงอัตลักษณ์ชาติที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีความผูกพันทางอารมณ์กับประวัติศาสตร์ของชาติ (3) บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานด้านสื่อสาร และสาธารณสุขจิต เพื่อลดความเปราะบางของประชาชนในกลุ่มที่มีความเครียดสูง และ (4) สร้างกลไกในการควบคุมและตรวจสอบข่าวสารบนโซเชียลมีเดียอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้ความวิตกกังวลถูกเร่งขยายเกินกว่าความเป็นจริงที่ต้องคัดกรองยิ่งขึ้นของแพลตฟอร์มต่าง ๆ

กล่าวโดยสรุป ผลสำรวจนี้เป็นเสียงสะท้อนสำคัญจากประชาชนไทยที่ไม่อาจมองข้าม ความตึงเครียดชายแดนไม่ได้ส่งผลเฉพาะในเชิงยุทธศาสตร์หรือความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังสั่นสะเทือนถึงความรู้สึก ความเชื่อมั่น และความเป็นปึกแผ่นของสังคมไทยโดยตรง หากภาครัฐสามารถสื่อสารเชิงรุกและเท่าทัน บนฐานของข้อเท็จจริงและความเข้าใจในอารมณ์ของประชาชน ก็จะสามารถ เปลี่ยนความเครียดเป็นพลัง ร่วมมือไม่แตกแยกและหนุนเสริมความเชื่อมั่นศรัทธาร่วมกันของสังคมไทยในยามเผชิญวิกฤตได้อย่างแท้จริง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทัพภาค 2 แจงสู้รบที่เนิน 350 ดุเดือดทหารไทยบาดเจ็บ 5 นาย

ทภ.2 เผยทหารไทยบาดเจ็บ 5 นายจากการสู้รบที่เนิน 350เมื่อคืนนี้ ทหารกัมพูชาระดมยิงจากปืนใหญ่ -รถถังใส่ตาควาย อัด BM-21 หลายจุด ส่งโดรนทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ ส่วนด้านสัตตะโสมเขมรขาดเสบียง

ตร.เฝ้าระวัง 'นักรบรับจ้าง' หลังโคราชพบข้อมูลบางอย่าง สั่งคัดกรองต่างชาติเข้ม

รองโฆษก ตร. ย้ำ เฝ้าระวัง นักรบรับจ้าง จ.นครราชสีมา เข้มคัดกรองต่างชาติ ทุกช่องทาง ป้องกันเข้ามาก่อเหตุ

'อนุทิน' ลั่นเป็นนายกฯต้องรับผิดชอบ ปท. มั่นใจสถานการณ์ขัดแย้งไม่ถึงวันเลือกตั้ง

‘อนุทิน’ เผยคนเป็นนายกฯลอยตัวไม่ได้ ต้องรับผิดชอบต่อประเทศ เผยคุย ‘ทรัมป์’บอกไทยตอบโต้แรง สวนกลับส่งคลิปยิงจรวด BM-21 พิสูจน์ใครแรงกว่าใคร อัด ผู้นำเขมร มีสิทธิ์อะไรเอาดาวเทียมมาจับการปฏิบัติการทางทหารไทย มั่นใจสถานการณ์ขัดแย้งไม่ถึงวันเลือกตั้ง

ส่งกำลังใจ 'ผู้หมู่เอสโซ่' รบพิเศษลพบุรี เข้าตีปราสาทตาควาย โดนสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บ

ผู้หมู่เอสโซ่ได้รับภารกิจให้ทำการเข้าตีปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ แต่ได้รับบาดเจ็บจากการโดนสะเก็ดระเบิด