5 ธ.ค.2568 - น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ อดีตรองโฆษกรัฐบาล โพสต์ตั้งข้อสังเกตต่อความคลาดเคลื่อนของตัวเลขความเร็วรถในคดีอุบัติเหตุที่สังคมจับตา หลังศาลมีคำวินิจฉัยชัดว่า ผลทดสอบของผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ “มีน้ำหนักมากที่สุด” และสะท้อนปัญหาในกระบวนการพิสูจน์หลักฐานของไทยอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลในสำนวนระบุว่า ช่วงเกิดเหตุมีตัวเลขความเร็วอยู่สองชุดหลัก ซึ่งสวนทางกันอย่างรุนแรง คือ
1. ชุด “ไม่เกิน 80 กม./ชม.” จากผู้เชี่ยวชาญจราจรกลางที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็วของศาล และ ดร.สายประสิทธิ์ ซึ่งเคยร่วมพิสูจน์ในคดีบรรยิน โดยทั้งสามรายให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน
2. ชุดตัวเลข “177–180 กม./ชม.” ซึ่งมาจากการคำนวณของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และถูกนำไปใช้ในกระบวนการสั่งฟ้องช่วงแรกของคดี
ความแตกต่างแบบสุดขั้วดังกล่าวทำให้เกิดคำถามต่อมาตรฐานงานพิสูจน์หลักฐานไทยว่า เหตุใดตัวเลขทางเทคนิคซึ่งควรมีความแน่นอนสูงจึงสามารถเปลี่ยนไปได้มากจนกระทบความเชื่อมั่นของสังคม
เพื่อคลี่คลายข้อขัดแย้งดังกล่าว ศาลได้เชิญ ศ.เฮอร์มันน์ สเตฟาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจำลองอุบัติเหตุระดับสากล เข้าตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยทั้งการคำนวณตามหลักฟิสิกส์ โปรแกรมจำลองเหตุการณ์ และการทดสอบชนจริง ศาลระบุว่า วิธีของสเตฟาน “มีความน่าเชื่อถือสูง” และผลการทดลอง “ใกล้เคียงเหตุการณ์จริงอย่างมาก” ให้ค่าความเร็วอยู่ที่ 76–79 กม./ชม. ซึ่งสอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญไทย 3 รายในสำนวนแรกเริ่ม
ในทางตรงกันข้าม ศาลเห็นว่า ตัวเลขของ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ โดยเฉพาะค่าความเร็ว 177 กม./ชม. มีความคลาดเคลื่อนสูงจน “ไม่น่าเชื่อถือและรับฟังไม่ได้” ขณะที่ผลวิเคราะห์ครั้งหลังสุดของเจ้าตัวที่ระบุ 79.22 กม./ชม. ทำให้เกิดคำถามเพิ่มขึ้นว่า ตัวเลขชุดแรกมีที่มาอย่างไร และกระบวนการตรวจซ้ำมีความโปร่งใสเพียงใด
นักวิชาการด้านนโยบายยุติธรรมมองว่า ปรากฏการณ์นี้สะท้อน “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” ของระบบพิสูจน์หลักฐานไทย ทั้งในแง่การพึ่งพาความเห็นรายบุคคลมากเกินไป การขาดทีมตรวจสอบอิสระ ไปจนถึงการไม่เปิดเผยข้อมูลดิบอย่างครบถ้วน ซึ่งเป็นมาตรฐานพื้นฐานที่หลายประเทศใช้เพื่อป้องกันความผิดพลาดและการแทรกแซงในคดีที่มีเดิมพันสูง
กรณีนี้จึงกลายเป็นแรงกดดันสำคัญให้หน่วยงานรัฐต้องตอบคำถามสังคมว่า ไทยพร้อมหรือยังที่จะยกระดับงานพิสูจน์หลักฐานให้อยู่บนหลักวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบได้จริง เพื่อป้องกันไม่ให้คดีสำคัญของประเทศต้องเผชิญความคลาดเคลื่อนที่บั่นทอนศรัทธาประชาชนอีกในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตรองโฆษกฯ ตั้งข้อสังเกตระบบพิสูจน์หลักฐานไทยอาจมีช่องโหว่ หลังคดีดังถูกใช้ปั้นตัวเลขสร้างผลประโยชน์ สั่นคลอนความเชื่อมั่น
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ อดีตรองโฆษกรัฐบาล ออกมาแสดงความกังวลผ่านเฟซบุคส่วนตัว ต่อมาตรฐานการพิสูจน์หลักฐา
รัฐบาลเปิดทาง อปท. ใช้งบกองทุน สปสช. จัดผ้าอ้อมดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ชายแดน
รองโฆษกรัฐบาลเผย สปสช. อนุญาตให้องค์กรปกครองท้องถิ่นใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับพื้นที่ จัดซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้ผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง แม้อยู่นอกเขตรับผิดชอบเดิม รองรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุชายแดนไทย–กัมพูชา ทั้ง 4 จังหวัดชายแดน
ลดค่าไฟจริงจังอีกครั้ง! 'พีระพันธุ์' ลุยรื้อโครงสร้างไฟ หนุนโซลาร์รูฟท็อป
รัฐบาลเดินหน้าลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม “พีระพันธุ์” เตรียมรื้อแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ หนุนบทบาท กฟผ. ลดพึ่งพาเอกชน พร้อมผลักดันกฎหมายติดโซลาร์รูฟท็อปง่ายขึ้น แก้ปัญหาค่าไฟแพงถึงต้นตอ
สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ บริการจอดรถยนต์ฟรี ตั้งแต่วันนี้
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ


