'กรมการแพทย์' เผยมะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย

12 มี.ค.2565 - จากการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิง สำหรับการจากไปของพระเอกตลอดกาล "สรพงศ์ ชาตรี" ในวัย 71 ปี หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโรคมะเร็งปอดนั้น

ล่าสุด เฟซบุ๊กเพจ "กรมการแพทย์" โพสต์ข้อความว่า กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ชี้มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย แนะสังเกตสัญาณเตือน เรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์ ไอเป็นเลือดหรือมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือมีปอดติดเชื้อซ้ำซาก

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า มะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ของคนไทย (เป็นอันดับ 2 ในผู้ชายรองจากมะเร็งตับ และ เป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง) การตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และมีอัตราการตายสูง สาเหตุสำคัญ ได้แก่ 1.การสูบบุหรี่รวมถึงยามวนต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของโรคมะเร็งปอด ผู้สูบบุหรี่อาจมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 เท่า รวมถึงผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่เองโดยตรง แต่สูดดมจากบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบก็มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป เพราะในควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด 2.ได้รับแร่ใยหิน (แอสเบสตอส) เป็นแร่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิด เช่นการก่อสร้าง โครงสร้างอาคาร ผ้าเบรค ฉนวนกันความร้อน ผู้เสี่ยงคือผู้ที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแอสเบสตอสปนเบื้อนเป็นเวลานาน อาจใช้เวลา 15-35 ปี ในการทำให้เกิดมะเร็งปอด สำหรับผู้ไม่สูบบุหรี่แต่ทำงานกับฝุ่นแอสเบสตอส อาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า 3.สาเหตุอื่นๆ มลภาวะเช่น PM 2.5 สารเบนซิน ฟอร์มาลดีฮายด์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนมาก ไม่เคยมีประวัติสูบบุหรี่ หรือ แอสเบสตอส มาก่อน ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เมื่อผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมักจะเป็นโรคในระยะที่ลุกลามไปแล้ว ทำให้การตรวจพบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และ มีอัตราตายสูง วิธีที่ดีที่สุดในปัจจุบันจึงเป็นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ

นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่น่าสงสัยว่าอาจเป็นโรคมะเร็งปอดได้แก่ ไอเรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 2 สัปดาห์ ไอเป็นเลือดหรือมีเสมหะปนเลือด เจ็บหน้าอก น้ำหนักลด เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ หรือมีปอดติดเชื้อซ้ำซาก ซึ่งจริงๆแล้วอาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดอาจพบในโรคอื่นได้ เช่น วัณโรคปอด หากมีอาการสงสัยต้องทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม การวินิจฉัย ทำโดยการถ่ายภาพรังสีปอด (X-ray หรือ CT scan) ร่วมกับการตรวจหาเซลมะเร็งเช่นการตรวจจากเสมหะ หรือการตัดชิ้นเนื้อจากปอดมาตรวจ เมื่อพบว่าเป็นมะเร็งปอดแน่นอนแล้วแพทย์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้ป่วยและญาติร่วมตัดสินใจ โดยพิจารณาจากชนิดของมะเร็ง ระยะโรคและการลุกลาม ความแข็งแรงของผู้ป่วยเป็นหลัก สำหรับการรักษามีทั้งการผ่าตัด การใช้ยา การฉายแสง หรือรักษาร่วมกันหลายวิธี เนื่องจากมะเร็งปอดการตรวจคัดกรองให้พบโรคในระยะแรกทำได้ยาก และ มีอัตราตายสูง ดังนั้นการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเช่นงดสูบบุหรี่ ป้องกันตัวจากการสัมผัสแร่ใยหิน หรือ มลภาวะ หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง รับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ รีบมาพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวดี! ผู้ป่วยมะเร็งปอดใช้ยา 'Erlotinib–Gefitinib' เป็นยาขนานแรกได้แล้ว

เริ่ม 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ผู้ป่วยมะเร็งปอด สามารถใช้ยา 'Erlotinib–Gefitinib' เป็นยาขนานแรกได้แล้ว ช่วยให้ผู้ป่วยคุมโรคได้นาน 9 เดือนถึง 1 ปี ยับยั้งการกลายพันธุ์ที่เป็นตัวเร่งให้มะเร็งเติบโต

เศร้า! 'น้องวิน ภาสวิน' จากผู้ป่วยสู่นักวางแผนการเงินวัย 14 ปี จากไปแล้ว

เพจ Win Phassawin ของน้องวิน ภาสวิน ตันตินิติ นักวางแผนการเงินรุ่นใหม่วัย 14 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งตั้งแต่วัย 3 ขวบ ได้แจ้งข่าวเศร้าว่า น้องวินเสียชีวิตแล้ว

ครอบครัวแจ้งข่าว 'แอ้ม สโรชา' ป่วยมะเร็ง อาการขั้นวิกฤต ชักเกร็ง หมดสติ

เฟซบุ๊ก สโรชา พรอุดมศักดิ์ อดีตพิธีกรคู่สนธิ ลิ้มทองกุล โพสต์ข้อความว่า ด่วน! เรียนทุกท่านทราบ ช่วงบ่ายวันนี้คุณแอ้มได้ล้มป่วยจากอาการข้างเคียงโรคมะเร็งที่ตอนนี้ประจ่ายไปหลายจุดของร่างกาย มีอาการชักเกร็งและหมดสติไป

ไทยเผชิญวิกฤตมะเร็งปอด! พบผู้ป่วยใหม่วันละ 48 ราย ชี้ฝุ่น PM 2.5 ตัวการสำคัญ

ในงาน “มะเร็งรู้ทัน ป้องกันเป็น รักษาได้” จัดโดยชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง รศ.นพ.นรินทร์ วรวุฒิ ให้ข้อมูลว่า องค์กรอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 77 ภายใน 25 ปีข้างหน้า สำหรับสถิติมะเร็งในประเทศไทย ในปี 2022

‘ไทย’ ประกาศความพร้อมเป็นผู้นำ ‘การแพทย์ดั้งเดิมอาเซียน’ ในเวที ASEAN Health Cluster 3 ที่บรูไน

กรมการแพทย์แผนไทยฯ โชว์วิสัยทัศน์ประกาศความพร้อมเป็นผู้นำการแพทย์ดั้งเดิมอาเซียน ในเวที ASEAN Health Cluster 3 ที่บรูไน ชูขับเคลื่อน 3 โครงการหลัก ย