นายกฯ หารือนายกฯออสเตรเลีย แบบพบหน้าครั้งแรก พร้อมขยายความร่วมมือให้แน่นแฟ้นครอบคลุม

19 พ.ย.2565 - เวลา 08.00 น. ณ ห้อง 111 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบหารือกับ นายแอนโทนี แอลบาเนซี (The Honourable Anthony Albanese MP) นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้หารือแบบพบหน้า หลังจากที่ได้หารือทางโทรศัพท์กันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปีนี้เป็นปีที่ ไทยและออสเตรเลียได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและพิเศษจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับและ ทรงศึกษาในออสเตรเลียอยู่เป็นระยะเวลานานหลายปี ซึ่งรวมถึง ความร่วมมือระหว่างกัน ที่มีพลวัตสูง ครอบคลุม ทุกมิติและเป็นรูปธรรม อยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ร่วมกัน

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่าเป็นเกียรติที่ได้เดินทางเยือนไทยที่มีการต้อนรับอย่างดี ประทับใจที่เมื่อคืนมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังซึ่งเคยมีโอกาสได้มาเที่ยวในตอนที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย ยืนยันความสำคัญที่ออสเตรเลียมีให้อาเซียน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้แต่งตั้งผู้แทนพิเศษสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประสบการณ์สูงในภาคธุรกิจ เชื่อมั่นว่าจะช่วยกระชับความร่วมมือ ด้านเศรษฐกิจ และส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับออสเตรเลียด้วย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ได้กล่าวถึงการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปคของไทยว่า ความร่วมมือในเอเปคผ่านเป้าหมายกรุงเทพฯ ที่ไทยผลักดัน ทำให้ความร่วมมือเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งที่เกี่ยวข้องกับ การค้า การลงทุน เศรษฐกิจดิจิทัล สาขาความร่วมมือที่สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG

นายกรัฐมนตรีชื่นชมความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกันภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) และยินดีที่รัฐบาลออสเตรเลียให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และกรอบ ACMECS

ในโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายร่วมหารือในส่วนของความท้าทายสำคัญในโลกซึ่งทำให้ทุกประเทศในโลกต้องร่วมมือกัน นายกรัฐมนตรีไทยหยิบยกคำกล่าว “the world is getting smaller” ซึ่งนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียจึงได้กล่าวว่า จึงทำให้โลกต้องมีทางออกระหว่างประเทศร่วมกัน International Solutions ซึ่งจะต้องเกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศ International Cooperation

นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียชื่นชมวิสัยทัศน์และนโยบายของไทยที่มีส่วนคล้ายนโยบายของออสเตรเลีย โดยเฉพาะในส่วนของการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยนายกรัฐมนตรีได้ ชื่นชมที่ออสเตรเลียให้ความสำคัญกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้น จึงน่าจะกระชับความร่วมมือระหว่างกันมากยิ่งขึ้นได้ โดยเฉพาะในสาขาด้านการพัฒนาเทคโนโลยีปล่อยมลพิษต่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด และนิเวศบลูคาร์บอน ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญระหว่างกัน รวมทั้ง นายกรัฐมนตรีชื่นชมการเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม UNFCCC COP 31 ของออสเตรเลีย ในปี 2569 (ค.ศ. 2026)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'นักวิชาการ' ชี้นายกฯป้องอธิปไตย ไม่ทำไทยเสี่ยง 'รัฐบริวาร'

รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไทยไม่ใช่ “รัฐบริวาร”!

อดีตบิ๊กศรภ. ชี้เหตุผลสำคัญไม่ต้องกลัว 'สหรัฐ' ทิ้ง 'ไทย' แนะรัฐบาลมีจุดยืนมั่นคง

สำหรับพี่ไทยนั้น แม้จะไม่ยอมให้สหรัฐ เข้ามาตั้งฐานทัพ แต่สหรัฐ ก็หวงแหนประเทศไทยมาก เพราะภูมิศาสตร์ที่ตั้งของไทย สหรัฐยังใช้ประโยชน์ได้อีกหลายเรื่อง

นั่นไง! ‘รัศม์‘ ชี้เปรี้ยง ‘อนุทิน’ พูดท้าทายสหรัฐก่อน ทำให้เกิดผลเสียต่อประเทศ

นายรัศม์ ชาลีจันทร์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาลแพทองธาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า