'เฮียหวัง-มิซูชิต้า' เปิดใจซบรวมไทยสร้างชาติ ลั่นไม่ใช่พวกสัมภเวสีจะไปเกาะใคร

สมหวัง
เสื้อแดงกลับใจ ยันเข้าพรรคลุงตู่-รวมไทยสร้างชาติ แบบไร้เงื่อนไข พร้อมช่วยงานพรรค รวมถึงงานมวลชน ลั่นไม่ใช่พวกสัมภเวสีจะไปเกาะใคร ไม่ใช่ปลิง ไม่ใช่เห็บ เตือนอย่าไปเป็นทาสรับใช้

11 ก.พ.2566 - นายสมหวัง อัสราษี หรือ เฮียหวัง-มิซูชิต้า สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) และอดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงการเข้ามาทำงานการเมืองกับพรรค รทสช.ว่า การที่เดินเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกพรรค ไปด้วยตัวเอง ไม่ได้มาจากการดีลกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตแกนนำนปช. อย่างที่บางฝ่ายเข้าใจแต่อย่างใด ส่วนที่ว่าหลังจากนี้จะมีแนวร่วมเสื้อแดงนปช.มาสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติอีกหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ทราบ เพราะที่มาก็มากันกับ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิกแค่สองคน

"ตอนนี้เรามีความคิดเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง อะไรที่มันชัดเจน และไม่มีอะไรซ่อนเร้น เราก็ควรไปยืนให้ถูกที่ถูกทาง เพราะว่าสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด มันเป็นบทเรียนสอนเรามาเยอะมาก กับการถูกกระทำอะไรหลายอย่าง และผมเป็นคนมีต้นทุน ผมไม่ใช่สัมภเวสี ไม่ใช่ปลิง ไม่ใช่หมัด ไม่ใช่เห็บ มีความคิดอะไรเป็นของตัวเอง เพื่อชาติ บ้านเมือง ประชาชน เราควรไปยืนให้ถูกที่ถูกทาง อย่าไปรับใช้ใคร อย่าไปเป็นทาสใคร ผมคิดแค่นี้เอง เพราะผมไม่ใช่พวกสัมภเวสีที่จ้องจะไปเกาะใคร"

นายสมหวังยืนยันว่า ที่มาเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของความคิดอย่างเดียว เพราะหากเข้าไปภายใต้เงื่อนไข ก็คงไม่เข้าไป ที่ผ่านมา ไม่เคยสร้างเงื่อนไขให้กับใคร เป็นตัวของตัวเองดีที่สุด ถ้าจะทำงานการเมืองจะทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่ทำการเมืองเพื่อใคร เพราะผมมันก้าวข้ามพ้นเรื่องจุกจิกแล้ว เพราะผมมีต้นทุน ไม่ใช่พวกสัมภเวสีที่จะไปคอยเกาะใคร คอยจะไปขอใคร

เมื่อถามถึงว่าจะเข้าไปช่วยงานพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างไรหรือไม่ นายสมหวังกล่าวว่า ก็แล้วแต่ว่าพรรคจะให้ผมช่วยอะไรได้บ้าง ผมพร้อมที่จะช่วย ตนเป็นนักบริหารอยู่แล้ว แต่ถ้าจะพวกงานมวลขนก็ได้ อะไรก็ได้หมด

สำหรับนายสมหวัง ถือเป็นนายทุนคนสำคัญของคนเสื้อแดงอดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมช.พาณิชย์ (นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ)อย่างไรก็ตาม นายสมหวัง ได้เคยระบายความในใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ว่า “ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่รู้ ว่าหนักแค่ไหนแบบเดียวกับผม ผมอยู่ นปช. มีแต่ใจเกินร้อยกับพี่น้อง แต่หารู้ไม่ว่า ตัวเองกำลังมีชะตากรรมที่ต้องแบกรับแทนคนอื่น สามเกลอ (นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) ใช้ผมไปเปิดบัญชี เพื่อรับเงินบริจาค และกิจกรรมอื่นๆ โดยที่พวกเขาไม่ยอมใช้ชื่อตัวเองไปเปิดบัญชีรองรับเงิน เพราะเขารู้ว่าจะถูกสรรพากร ประเมินเสียภาษี

ทั้งหมดนี้ผมโดนสรรพากรเรียกเก็บภาษีจากเงินเหล่านี้ เป็นเงิน 572 ล้าน ผมจะเอาที่ไหนไปจ่าย ก็เลยโดนฟ้องล้มละลาย และตอนนี้โดนอายัดทรัพย์ และอายัดบัญชีทั้งหมดเหลือแต่ตัวแล้วครับ แถมเป็นบุคคลล้มละลายด้วย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ... นี่คือ สมหวัง อัสราษี ผมมันโง่เอง รักพวกจนไม่คิดถึงชีวิต และอนาคตตัวเอง บทเรียนที่แสนแพงในชีวิต ฉิบหายทั้งตระกูล เพียงเพราะคำว่าเพื่อน”

ทั้งนี้ นายสมหวัง เป็นเจ้าของธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อมิซูชิต้า ในชื่อ บริษัท สแกนเนอร์ อิเลคทริค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนวันที่ 19 ส.ค. 2539 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ปัจจุบัน 45 ล้านบาท แต่ได้โอนหุ้นให้ นายสราวุทธิ อัสราษี ลูกชายไปหมดแล้ว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2556 ส่วนการเรียกเก็บภาษีจากกรมสรรพากร เป็นการเรียกเก็บจากบุคคลธรรมดาที่ค้างชำระภาษี จากการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง (รับเงินบริจาค) ในอดีตไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัท มิซูชิต้า แต่อย่างใด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อรรถกร' รับกรอกประวัติแล้ว แต่ไม่รู้นั่ง รมช.เกษตรฯ มั่นใจ 'ธรรมนัส' ให้คำปรึกษาได้

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวถูกส่งชื่อเสนอเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ ว่า ตนไม่ทราบ แต่ว่าได้มีการกรอกประวัติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมทำหน้าที่

'จุรินทร์' ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตยังคลุมเครือ เหมือนเดินบนเส้นด้าย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะทันไตรมาส 4 ตามที่รัฐบาลประกาศหรือไม่ว่า สถานการณ์วันนี้เหมือนย้อนกลับไปในจุดที่เหมือนประกาศว่าจะ

'จุรินทร์' แขวะเห็นใจนายกฯปรับครม. ต้องให้คนนอกรัฐบาลดูก่อน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม.เศรษฐา 1/1ว่า เรื่องนี้ตนยังตอบไม่ได้ เพราะ