
อบต.ทั่วประเทศแสนกว่าคน เตรียมเฮ ได้ของขวัญวาเลนไทน์ เงินเดือนขึ้นพรวด มหาดไทยประชุมนัดสุดท้ายพุธนี้ ลุ้นไฟเขียวขึ้นเงินเดือน-ค่าตอบแทน หลังมท.1-รองปลัดมท.-อธิบดีท้องถิ่น เห็นชอบแล้ว เลขาสมาคมอบต.ฯ เชื่อหากไม่มีดรามา จบภายในเดือนก.พ.นี้
12 ก.พ.2566-นายปราโมทย์ เพชรรัตน์ เลขาธิการสมาคมอบต.แห่งประเทศไทย และยังเป็น นายก อบต. ปากแพรก จ.สุราษฎร์ธานี และกรรมการในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นประธาน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้ขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนให้อบต.ทั่วประเทศว่า หลังจากก่อนหน้านี้สมาคมอบต.แห่งประเทศไทยส่งเรื่องการขอขึ้นเงินเดือน-ค่าตอบแทนให้กับกระทรวงมหาดไทย ต่อมา อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นเห็นชอบในหลักการ และส่งเรื่องผ่านไปยัง นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนายชัยวัฒน์ ก็เห็นชอบ และส่งเรื่องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
ทางรมว.มหาดไทยก็เห็นชอบในหลักการและส่งเรื่องกลับไปให้ฝ่ายกฎหมาย กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดูรายละเอียดการปรับขึ้นค่าตอบแทนให้ใกล้เคียงและใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับเทศบาล ซึ่งในที่ประชุมฝ่ายกฎหมายของกรมส่งเสริม ฯ ก็เห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา จากนั้นได้ส่งเรื่องไปทำบัญชีแนบท้าย รายละเอียดเพื่อส่งเรื่องให้เข้าสู่การพิจารณา ของฝายกฎหมาย กระทรวงมหาดไทย วันพุธนี้ 15 ก.พ.ที่มีการนัดประชุมคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายกระทรวงมหาดไทยออกมาแล้ว โดยหากที่ประชุมวันพุธนี้เห็นชอบด้วย ให้ขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทน ให้อบต.ทั่วประเทศ กรรมการก็แจ้งมติไปยังพล.อ.อนุพงษ์ รมว.มหาดไทย ซึ่งหากพล.อ.อนุพงษ์เห็นชอบด้วยทั้งหมด ก็สามารถลงนามประกาศเป็นระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนให้กับอบต.ทั่วประเทศฯ ให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที เพราะค่าตอบแทนของอบต.เป็นเพียงประกาศของกระทรวงมหาดไทย ไม่ต้องออกเป็นกฎหมาย ไปให้สภาฯ พิจารณาไม่เหมือนกับค่าตอบแทนของกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ต้องออกเป็นกฎหมาย ส่วนจำนวนเงินที่ขอเพิ่ม ขอเพิ่มให้อบต.ได้เท่ากับอัตราค่าตอบแทนของเทศบาล ทั้งเงินเดือน ค่าตอบแทนพิเศษ เงินประจำตำแหน่ง ที่เรตมันต่างกันเยอะ
“เท่าที่ผมเคยได้พูดคุยกับฝ่ายกฎหมายของมหาดไทย คาดว่าการขึ้นเงินเดือนอบต.ครั้งนี้น่าจะเสร็จทันภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หากไม่มีอุปสรรคใดๆ ไม่มีดรามาทางการเมืองหรือดรามาส่วนราชการที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ต้องรอลุ้นวันพุธนี้ แต่หากไม่สำเร็จ เราก็จะเดินหน้าต่อ ในรัฐบาลชุดหน้า”
เลขาธิการสมาคมอบต.แห่งประเทศไทย ย้ำว่าการเรียกร้องให้ขึ้นเงินเดือน-ค่าตอบแทนให้กับผู้บริหารและสมาชิกอบต.ทั่วประเทศ ทางสมาคมอบต.แห่งประเทศไทยได้เคลื่อนไหวมาระยะหนึ่งแล้วเพราะเรามองว่า ผู้บริหารระดับอบต.กับผู้บริหารเทศบาลทั่วประเทศ ที่เป็นสององค์กรปกครองท้องถิ่น ถูกแบ่งพื้นที่กันในจังหวัดโดยพิจารณาจากจำนวนประชากร บริบทการทำงานที่เหมือนกัน มีหน้าที่เหมือนกัน มีภารกิจเหมือนกัน ในการรับนโยบายรัฐบาลเหมือนกัน รับภารกิจถ่ายโอนเหมือนกัน มีหน้าที่ดูแลประชาชนเหมือนกัน โดยที่อบต.บางแห่งก็มีประชากรมากกว่าเทศบาลเสียอีก แต่บางแห่งเทศบาลก็มีมากกว่าอบต.แต่ค่าตอบแทนของอบต.กับเทศบาลแตกต่างกัน ทั้งที่ค่าตอบแทนของอบต.กับเทศบาลคิดค่าตอบแทนจากฐานรายได้ของท้องถิ่นเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างกันคือค่าตอบแทนของเทศบาล ที่ฐานรายได้ของท้องถิ่นเหมือนกันกับอบต.แต่กลับตั้งฐานค่าตอบแทนต่างกัน
เช่น เทศบาลที่มีรายได้แต่ละปีอยู่ที่ 25-50 ล้านบาท ให้ค่าตอบแทนนายกเทศมนตรี ไว้ที่ 28,800 บาท เงินประจำตำแหน่ง 6,000 บาท เงินตอบแทนพิเศษ 6,000 บาท รวมแล้วได้ประมาณสี่หมื่นต้นๆ ต่อเดือน แต่อบต.ที่มีรายได้ 25-50 ล้านบาทต่อปีเหมือนเทศบาล แต่นายกฯอบต.ได้เงินเดือน 21,120 บาท เงินประจำตำแหน่ง 1,900 บาท เงินตอบแทนพิเศษ 1,900 บาทรวมแล้ว รวมแล้วก็ประมาณสองหมื่นกว่าบาทต่อเดือน ซึ่งด้วยภารกิจและหน้าที่ การดูแลประชากร ทั้งที่อบต.หลายแห่งมีพื้นที่ใหญ่กว่า มีประชากรมากกว่าเทศบาลมาก แต่ค่าตอบแทนต่างกัน บางเทศบาลมีประชากรแค่หกร้อยกว่าคน อย่างที่อบต.ท่าขนอน กับเทศบาลตำบลท่าขนอน ที่ สุราษฎร์ธานี พบว่าเทศบาลมีประชากรแค่สองพันกว่าคน แต่อบต.ท่าขนอน มีประชากรห้าพันกว่าคน แต่ค่าตอบแทน แตกต่างกันมาก สมาชิกอบต.ได้เจ็ดพันกว่าบาท แต่สมาชิกสภาเทศบาลได้หมื่นกว่าบาท
“เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ จึงควรคิดในเรื่องการขึ้นค่าตอบแทนเพราะสิบกว่าปีมาแล้วอบต.ไม่ได้ขึ้นค่าตอบแทนเลย ผมมองว่ามันน่าจะมีการปรับเพื่อลดความเหลื่อมลำของท้องถิ่นด้วยกันเอง ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวช่วงนี้ ที่ถูกมองว่ามาทำช่วงเลือกตั้ง จริงๆแล้วเป็นเพราะที่ผ่านมา ผู้บริหารสมาคมอบต.แห่งประเทศไทยไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างจริงจังแบบยุคนี้ ก็ทำได้แค่ออกมาบ่นเท่านั้น อย่างอบต.คลองสาม ปทุมธานี มีรายได้ต่อปี500 ล้านบาท ดูแลประชาชนเกือบห้าหมื่นคนมากกว่าเทศบาลหลายแห่ง หรือพื้นที่อบต.ของผมที่สุราษฎร์ธานี ก็มีพื้นที่และประชากรมากกว่าเทศบาลในสุราษฎร์ธานี ที่อยู่ติดกัน อบต.หลายแห่งทั่วประเทศดูแลพื้นที่มากกว่า มีประชาชนมากกว่าแต่ค่าตอบแทนของผู้บริหารและสมาชิกอบต.ต่ำเตี้ยมาก สมาชิกอบต.บางแห่งได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำ “
เลขาธิการสมาคมอบต.แห่งประเทศไทยกล่าวต่อว่า ค่าตอบแทนผู้บริหารและสมาชิกอบต.เป็นเพียงแค่ประกาศ เพราะใช้งบของอบต.แต่ละแห่งเบิกจ่ายให้ ที่ไม่กระทบกับการพัฒนาพื้นที่ และช่วงหลังที่มีการปรับลดอบต.ทำให้ตอนนี้มีสมาชิกอบต.ทั่วประเทศแค่แสนกว่าคนจากเดิมเกือบสามแสนคนเท่ากับลดไปเกือบครึ่งหนึ่ง ส่วนผู้บริหารยังมีเท่าเดิม ดังนั้นหากมีการขึ้นเงินเดือนอบต.ทั่วประเทศจะไม่กระทบกับงบประมาณของอบต.ในการดูแลประชาชนและการพัฒนาพื้นที่
“ที่มีบางพรรคการเมืองตั้งข้อสังเกตุว่า จะให้มีการขึ้นเงินเดือนอบต.ทั่วประเทศ ทำไมมาทำตอนนี้ จะเข้าข่ายเป็นการหาเสียงเชิงนโยบายเพื่อหวังคะแนนเสียงจากอบต.ทั่วประเทศหรือไม่นั้น ในความเป็นจริงแล้ว การเคลื่อนไหวเรื่องนี้เกิดหลังจากมีการปรับเปลี่ยนทีมผู้บริหารสมาคมอบต.แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2565 ซึ่งเดิมทีมผู้บริหารเดิมของสมาคมอบต.แห่งประเทศไทยชุดเดิม ไม่ได้เรียกร้องเรื่องนี้ โดยเมื่อทีมผู้บริหารชุดปัจจุบันเข้ามา ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว โดยมีการจัดสัมมนาอบต.ทั่วประเทศที่เชียงใหม่ และมีการเคลื่อนไหวมาต่อเนื่อง ทางสมาคมอบต.แห่งประเทศ ก็เคลื่อนไหวมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ที่ใกล้ได้ข้อยุติ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปภ. ยืนยันผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา ยื่นขอรับเงินเยียวยา 9,000 บาทโดยไม่ใช้เอกสาร
ปภ. ยืนยัน เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา 9,000 บาท ยื่นคำร้องโดยไม่ต้องใช้เอกสาร รัฐอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนปฏิบัติ ท้องถิ่นจะใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์และการยืนยันจากพื้นที่
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
'อนุทิน' นำ 'ราชสีห์-สมาชิกราชสกุลดิศกุล' วางพวงมาลา เนื่องในวันดำรงราชานุภาพ
นายกรัฐมนตรี นำราชสีห์ และสมาชิกราชสกุลดิศกุล วางพวงมาลาถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันดำรงราชานุภาพ พร้อมมอบรางวัลนายอำเภอแหวนเพชร ปลัดอำเภอแหวนทองคำ ประจำปี 2568
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดนิยาม ผู้สมัคร อบต. ต้องนับตั้งแต่ ‘เสนอตัว’ ไม่ใช่วันได้สมัครต่อ กกต.
“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ผ่าปมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังนักการเมือง อบต.ฮือฮาแจกของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ระบุชัด สถานะ ผู้สมัคร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ประกาศตัวลงสนาม ไม่ใช่วันที่ยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมเตือ
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
“รองโฆษกรัฐบาล“ นำคณะลงพื้นที่กระบี่ ติดตามความสำเร็จชุมชนท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ - ถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น
ที่จังหวัดกระบี่ น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย พร้อมด้วย น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะลงพื้นที่ จ.กระบี่ โดยนายสมศักดิ์ กิตติธรกุล หรือ “โกหงวน” นายก อบจ.กระบี่ และนายกิตติ กิตติธรกุล สส.กระบี่


