
นายกฯ ปลื้ม ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน มกราคม 2566 เพิ่มสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และอยู่ระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือน สะท้อนประสิทธิภาพของนโยบายและมาตรการทางเศรษฐกิจ
19 ก.พ. 2566 -นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ประจำเดือนมกราคม 2566 จากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและหอการค้าไทย ซึ่งพบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 49.7 เป็น 51.7 โดยเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือน จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นทั้ง 3 รายการ เมื่อเปรียบเทียบผลสำรวจเดือนธันวาคม 2565 ถึงเดือนมกราคม 2566 เกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ปรับตัวจากความเชื่อมั่น ระดับ 43.9 สู่ระดับ 46.0 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม ปรับตัวจากระดับ 47.0 สู่ระดับ 49.0 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต ปรับตัวจากระดับ 58.1 สู่ระดับ 60.2 ซึ่งทั้งหมดแสดงให้เห็นว่ามีการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจกำลังกลับมาฟื้นตัวเร็วขึ้น และจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นในเดือนแรกของปีนี้
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุถึงปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ 1. มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2566 จากภาครัฐ เช่น มาตรการช้อปดีมีคืน มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตรา 15% มาตรการการช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงิน 2. การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งของคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยมีจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่าง ๆ ปรับตัวดีขึ้น 3. SET Index ในเดือนมกราคม 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.80จุด 4. ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้เกษตรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดปรับตัวดีขึ้น
“แนวโน้มของดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก นายกรัฐมนตรีขอบคุณเสียงสะท้อนที่แสดงให้เห็นว่า ประชาชนให้ความเชื่อมั่นกับสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศที่กำลังฟื้นตัว สอดรับกับการทำงาน นโยบาย และมาตรการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ออกมาตรการช่วยเหลือภาคประชาชน ควบคู่กับการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เปิดรับการลงทุน เพื่อช่วยส่งเสริมภาคธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีสั่งการการแก้ไขปัญหามาตลอดตั้งแต่ระดับเศรษฐกิจฐานราก รวมไปถึงการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน” นายอนุชากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการเตือนไทยเสี่ยงภาวะเงินฝืด
ไทยเสี่ยงภาวะเงินฝืด Quick Big win เพียงช่วยบรรเทา แนะต้องปรับโครงสร้างใหญ่หนีรั้งท้ายอาเซียน กับดักซ้ำซ้อนกดทับประชาชนฐานราก
หนี้ครัวเรือนคือปัญหาใหญ่ของประเทศ
หนี้ครัวเรือนของคนไทยในปัจจุบันมีมากถึง 1.62 ล้านล้านบาทโดยผลการศึกษาล่าสุดของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเปิดเผยผลสำรวจว่าหนี้ครัวเรือนไทยมีจำนวน 740,596.94 บาทต่อครอบครัวเพิ่มขึ้นถึง 22% ถือว่าเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ4 ปี โดยกว่า 95% ของจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามของกลุ่มตัวอย่างรับว่าครอบครัวมีหนี้
นายกฯ ขนทีมเศรษฐกิจถกหอการค้าบอกโปรดเกล้าฯ ครม.เมื่อไหร่ทำงานทันที
นายกฯ อนุทิน นำทีมเศรษฐกิจพบหอการค้า บอกโจทย์หลัก รบ.มุ่งแก้ปากท้อง ย้ำทูลเกล้าฯ ครม.แล้ว ได้รับโปรดเกล้าฯ ครม.พร้อมลุยงานทันที
การเมือง-ภาษีทรัมป์ทุบดัชนีเชื่อมั่นฯ ส.ค.ลดลงต่ำสุดรอบ 32 เดือน
การเมือง-ภาษีทรัมป์ทุบดัชนีเชื่อมั่นฯ ส.ค.ลดลงต่ำสุดรอบ 32 เดือน หอการค้าไทยลุ้น’คนละครึ่ง’ ปั๊มเงินเข้าระบบ 1 แสนล้านช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส4/68 คาดดัน GDP ปีนี้โตเกิน 2.5%
นักวิชาการแนะโมเดลแก้เกมสงครามภาษี
เสนอไทยโมเดลแก้เกมสงครามภาษี เปิดตลาดสินค้าแข่งขันได้เพิ่มแลกลดภาษีเปิดตลาดสินค้าเกษตรให้สหรัฐฯแบบมีกลยุทธ์ ลดผลกระทบเกษตรกรรายย่อยปลูกข้าวโพดและเลี้ยงปศุสัตว์ผลกระทบภาษี 36% สูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย หวั่นกระทบการลงทุนและการย้ายฐานเพิ่มการแข่งขัน เพิ่มผลประโยชน์ผู้บริโภค มุ่งเป้าบรรเทาผลกระทบเอสเอ็มอีและแรงงาน


