
เบื้องหลังความสำเร็จแก้ปัญหาเรือประมงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฎิบัติราชการ
หลังจากรอคอยมานาน ในที่สุดชาวประมงจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้เฮ เมื่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติเงินจำนวน 163.36 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 งบกลาง ในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ในโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน โดยจะจ่ายเงินให้เรือที่เข้าร่วมโครงการชุดแรกจำนวน 96 ลำ และใช้เพื่อความช่วยเหลือผู้ประกอบการกิจการประมงและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการประมงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับผลระทบจากเหตุรุนแรงด้วย จึงถือเป็นข่าวดีรับต้นปีของชาวประมงภาคใต้ ที่ครั้งนี้มั่นใจได้ว่าจะได้รับเงินเยียวยาจากการดำเนินโครงการนี้กันเสียที หลังจากพยายามเรียกร้องมากว่า 3 ปี
สำหรับความเป็นมาเกี่ยวกับความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมงใน จ.ปัตตานี คงต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2563 เมื่อสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ยังคงส่งผลกระทบในการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกสาขาอาชีพ รวมถึงกลุ่มประมงในพื้นที่ ประกอบกับการที่จะต้องดำเนินการตาม IUU Fishing เพื่อให้เป็นไปหลักสากลของการทำการประมงที่กลายเป็นข้อจำกัดในการออกเรือหาปลาตามวิถีชีวิตดั้งเดิม ทำให้ชาวประมงทั้งรายเล็กรายใหญ่ประสบปัญหาจนไม่สามารถประกอบอาชีพประมงได้อีกต่อไปสร้างความเดือดร้อนอย่างหนัก
ในที่สุดสมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี ซึ่งถือเป็นองค์หลักของผู้ประกอบการประมงในพื้นที่จึงพยายามหาทางออกช่วยเหลือชาวประมง โดยได้เสนอโครงการนำเรือออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน และนำเรือมาจัดทำกองปะการังเทียมใต้ท้องทะเลในพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมา มีเรือประมงเข้าร่วมโครงการจำนวน 104 ลำ ด้วยความหวังว่า โครงการนี้จะช่วยให้ชาวประมงชาวประมงได้มีอาชีพใหม่ และยังจะทำให้เกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกด้วย

โครงการดังกล่าวได้ถูกเสนอไปยังคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา ต่อมาก็ได้รับความเห็นชอบให้ดำเนินโครงการ พร้อมให้ใช้งบกลาง พ.ศ.2564 และให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.)เป็นผู้รับผิดชอบ และดำเนินการตามขั้นตอนมาตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แม้จะระบุว่าเป็นการดำเนินโครงการกรณีเร่งด่วน แต่กลับปรากฏว่า มีขั้นตอนทำให้การจ่ายเงินเยียวต้องล้าช้าออกไป เพราะตั้งแต่เริ่มต้นโครงการในปี 2563 จนกระทั่งถึงปลายปี 2565 กลับไม่มีความคืบหน้าการดำเนินโครงการแต่อย่างใด จากหนังสือร้องเรียนของสมาคมการประมง จ.ปัตตานี ระบุว่า ในการดำเนินการถือเป็นการขับเคลื่อนโครงการที่ได้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะเกิดความล่าช้า ซ้ำซ้อนวนเวียน ในการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง เหมือนการเดินทางวนอยู่กับที่ และย้อนกลับมาสู่จุดเดิมเกือบทุกครั้ง แต่เมื่อร้องเรียนทวงถาม ก็ไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับความคืบหน้าเลยสักครั้งจนเวลาล่วงเลยมากว่า 3 ปี เปรียบเสมือนการมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
กระทั่งเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา “สมาคมการประมงจังหวัดปัตตานี” ได้ตัดสินใจทำหนังสือร้องเรียนถึงนายพีระพันธุ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้เข้ามาสะสางและติดตามเร่งรัดการแก้ปัญหาให้กับประชาชนที่ส่งเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล 1111 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีอยู่จำนวนมาก โดยเรื่องความเดือดร้อนของชาวประมง เป็นหนึ่งในความเดือดร้อนของประชาชนที่ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน และปัญหาของสมาคมการประมงของ จ.ปัตตานี ก็เป็นหนึ่งในปัญหาที่นายกรัฐมนตรีให้ความห่วงใย และกำชับให้เร่งคลี่คลายความเดือดร้อนของประชาชน

นัดแรกของการประชุม นายพีระพันธุ์ ได้เชิญตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมประมง ,กรมเจ้าท่า,กรมบัญชีกลาง และ สำนักงบประมาณ มาร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยได้สอบถามสอบสวนหาข้อเท็จจริง และสาเหตุความล่าช้าอย่างละเอียด กระทั่งทราบว่า สาเหตุเกิดจากยังติดปัญหาเรื่องระเบียบการจ่ายเงินเยียวยาที่มีส่วนหนึ่งจะต้องชดเชยเพิ่มเติมจากราคาประเมินเดิม รวมทั้งปัญหาการประเมินราคาเรือที่ยังไม่สามารถสรุปได้
โดยในการประชุมครั้งนั้น นายพีระพันธุ์ ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปเร่งออกระเบียบเพื่อให้สามารถดำเนินการจ่ายค่าเยียวยาเพิ่มเติมได้อย่างถูกต้องให้ได้ภายใน 10 วัน และยังคงติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ยังได้มอบหมายให้ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ และทีมงานประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารตามขั้นตอน ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ตามดำริของพล.อ.ประยุทธ์ โดยได้มีการประสานตามขั้นตอนทั้งในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ศอ.บต. กรมบัญชีกลาง กระทั่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) สามารถนำเรื่องเสนอประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

ในที่สุดเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566 คณะรัฐมนตรี ก็ได้อนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานีดังกล่าว แม้จะเป็นการอนุมัติเงินให้กับเรือประมงรอบแรก 96 ลำจาก 104 ลำ แต่ก็ถือว่าเป็นความคืบหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้การทำงานของคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ที่มีนายพีระพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งหากนับจากวันเริ่มประชุมแก้ไขปัญหาจนสามารถนำเรื่องเข้าประชุมใน ครม.จนได้รับอนุมัติ ใช้เวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น
ซึ่งนายพีระพันธุ์ ระบุว่า “หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียน ได้นำความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบโดยตรง ซึ่งนายกฯ เองก็มีความห่วงใย พร้อมสอบถามปัญหาว่ามีสาเหตุการติดขัดที่ตรงไหนเพราะเข้าใจว่าทุกคนต้องทำมาหากิน และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการ ทั้งยังมอบหมายให้ติดตามดูแลใกล้ชิดเพื่อให้ปัญหาของประชาชนได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว”
ความสำเร็จในการช่วยเหลือให้พี่น้องชาวประมงภาคใต้ได้รับเงินเยียวยาตามโครงการฯ นับเป็นหนึ่งในความสำเร็จในการคลี่คลายปัญหาให้กับประชาชนอีกจำนวนมาก ที่ไม่เพียงจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้อย่างรวดเร็วตามความตั้งใจของนายกฯแล้ว ยังเป็นการยืนยันถึงความตั้งใจในการทำงาน ของ พล.อ.ประยุทธ์ และขุนพลคู่ใจอย่างนายพีระพันธุ์ ที่ทำงานเคียงข้างอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ประชาชนได้อยู่อย่างมีความสุข เป็นธรรม และเท่าเทียมกัน ตามดำริของ พล.อ.ประยุทธ์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘พีระพันธุ์’ ยัน ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ไม่คิดเข้าร่วมรวมพรรคอื่น
‘พีระพันธุ์’ ย้ำชัด เจตนารมณ์ ‘รวมไทยสร้างชาติ’ ยืนบนหลักการ ไม่เข้าร่วมการรวมพรรค มุ่งทำงานเพื่อประชาชน
'พีระพันธุ์' เบรกรัฐบาลหยุดซื้อไฟแพงเกินจริง จี้ต่อรองสัญญาใหม่ อย่าเกรงใจนายทุน
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลมีมติเร่งรัดจัดซื้อไฟฟ้าโซลาร์ล็อตใหญ่ในราคาที่สูงกว่าเกณฑ์ปกติ โดยชี้ว่า
'รทสช.' ลุยปักธงกาญจนบุรี 'พีระพันธุ์' ชูเกษตรแปลงใหญ่ นโยบายเปลี่ยนชีวิตเกษตรกร
'รวมไทยสร้างชาติ' ปักธง 'กาญจนบุรี' เปิดสำนักงานตัวแทนพรรคแห่งใหม่ ‘พีระพันธุ์’ เดินหน้าสร้าง 'DNA คนทำงาน' ทั่วประเทศ ชู ‘เกษตรแปลงใหญ่’ นโยบายเปลี่ยนชีวิตเกษตรกร พร้อมสานต่อ 'โซลาร์เสรี' เพื่อพี่น้องประชาชน
จับไต๋กัมพูชาวางแผนลึก จ้องขยับหลักเขตแดนสุดท้ายทางบก หวังฮุบทรัพยากรพลังงานใต้ทะเล
‘พีระพันธุ์-พล.ท.กนก’ จับไต๋กัมพูชาวางแผนลึก จ้องขยับ ‘หลัก 73’ เปลี่ยนแนวเส้นเขตแดน หวังฮุบทรัพยากรพลังงานใต้ทะเล หนุนไทยเปิดเกมรุกตอบโต้อย่างเด็ดขาด ย้ำอธิปไตยชาติสำคัญกว่าทุกสิ่ง ยิ่งปล่อยยืดเยื้อยิ่งเจอศึกหนัก!
'พีระพันธุ์' เปิดโหมดเดือด! เคยเตือนแล้วอย่าลงนามสัญญาสันติภาพ แล้วเป็นไงทหารไทยขาขาด
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบริเวณห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า “ทนไม่ไหว ขอพูดหน่อยนะ
ทัพแตก-กระแสตก-ทุนชิ่งออก พีระพันธุ์ รทสช. กัดฟันสู้
มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของพรรคการเมืองหนึ่ง ที่เคยถูกเรียกขานว่า "พรรคลุงตู่" เพราะตอนเลือกตั้งปี 2566 เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นั่นก็คือ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" (รทสช.) ที่ได้มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีไปเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่างลง ซึ่งจัดกันที่สโมสรราชพฤกษ์


