’ชัยภูมิเมืองสมุนไพร’ ต้นแบบพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

จังหวัดชัยภูมิเมืองเกษตรกรรม ที่มีความสำคัญในแง่การปลูกพืชสมุนไพร เป็นแหล่งรวบรวมสมุนไพรพันธุ์ดีและพันธุ์พื้นบ้าน เกษตรกรใช้ภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา ปลูกพืชสมุนไพรกันมายาวนาน ขณะนี้เมืองชัยภูมิกำลังเดินหน้าขับเคลื่อนสู่การเป็นเมืองแห่งสมุนไพร เพื่อยกระดับพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพ สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวชัยภูมิ

แนวคิดการพัฒนาเมืองสมุนไพรนี้ เริ่มขึ้นพร้อมกับการเดินหน้าส่งเสริมและทำงานในพื้นที่อย่างจริงจังของ”เครือข่ายสมุนไพรชัยภูมิ”  ซึ่งเป็นการรวมตัวกันดำเนินงานจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน  สถาบันวิชาการ และประชาชน เริ่มจากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) มูลนิธิสัมมาชีพและหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมกับ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน  15 กลุ่ม ได้จับมือกันเข้าไปมีส่วนพัฒนาชุมชน พัฒนาเมืองชัยภูมิให้กลายเป็นแหล่งผลิตพืชสมุนไพร ที่สำคัญในภูมิภาคอีสาน

แนวคิดพื้นฐานแรกคือ การทำแปลงรวม เพื่อเตรียมความพร้อมและขยับสู่เมืองสมุนไพร  คุณปิติมา ล่ามสมบัติ ประธานวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายสมุรไพรชัยภูมิ กล่าวว่า การทำแปลงรวมพันธุ์สมุนไพรนี้ มีแผนที่จะพัฒนาใน 7 อำเภอ แต่ตอนนี้เริ่มดำเนินการแล้ว 3 อำเภอ คือ คือ อ.ภูเขียว อ.จตุรัส และ อ.คอนสวรรค์ รวมพื้นที่ 15 ไร่  เน้นให้เป็นแปลงขยายพันธุ์สมุนไพรและสาธิตการเรียนรู้ให้กับสมาชิกกลุ่ม โดยมีแนวคิดสำคัญ ”สมุนไพรพื้นบ้าน อาหารเป็นยา”  ผสานกับชุมชนรู้จักสมุนไพรใกล้ตัว เพราะพืชสมุนไพรเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารหลักของชาวอีสาน

“ แปลงรวมพันธุ์ในที่นี้ คือ การตั้งธนาคารพันธุ์ให้กับชุมชน แก้ปัญหาการกู้ยืมซื้อพันธุ์สมุนไพรจากบริษัทมาทำเกษตร เป็นหนี้เป็นสินและต้นทุนทำเกษตรก็สูง เราปรึกษาบริษัทไทยเบฟฯ และมูลนิธิสัมมาชีพ นำมาสู่ข้อเสนอการทำแปลงรวมพันธุ์ของแต่ละกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กล้าพันธุ์จากแปลงขายให้เครือข่าย ที่เหลือส่งขายผ่านช่องทางการตลาดอื่นๆ  อย่างเช่น แปลงรวมอำเภอจตุรัสวางแผนจะปลูกพืชสมุนไพรเพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาล ซึ่งมีโรงงานผลิตยาสมุนไพรไทย หรือแปลงรวมอำเภอภูเขียว เน้นตะไคร้ตัดใบ เกษตรกรจะมีรายได้ทุกเดือน ในขั้นตอนการตัดใบยังช่วยส่งเสริมให้คนในชุมชนได้ทำงานใกล้บ้านหลังเสร็จจากนา ไร่ มีรายได้มากขึ้น มีนักศึกษาจบปริญญาโทจาก ม.แม่โจ้มาทำสวนสมุนไพร เพราะรักเกษตรและช่วยแนะนำเสริมความเข้มแข็งให้สมาชิก เกิดคนรุ่นใหม่พัฒนาชุมชน“  ปิติมา บอก

การพัฒนาอาชีพกำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจน ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหญิงได้ย้ำให้สมาชิกมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น กินดี อยู่ดี มีสุข มีเงินเพิ่ม มีความมั่นคงทางอาหาร มีความมั่นคงทางยา มีความมั่นคงทางตลาด รวมถึงลดพื้นที่ใช้สารเคมีในชุมชน สมาชิกกลุ่มส่วนหนึ่งเป็นเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีทางการเกษตร ชีวิตบอบช้ำมามาก จึงถอยและมาตั้งหลักใหม่ทำเกษตรอินทรีย์ คิดว่าตอนนี้การพัฒนาเดินมาได้ 70% แล้ว อีก 30% ต้องฝ่าฟันด้วยความตั้งใจของสมาชิก แต่ละกลุ่มสมาชิกยังสามารถขยายพื้นที่ปลูกสมุนไพรได้อีก ไม่จำเป็นต้องหาสมาชิกใหม่ แต่พัฒนาพื้นที่เครือข่ายสู่พื้นที่ต้นแบบ  ทั้งนี้ จะพัฒนาต่อไปเพื่อเตรียมพร้อมให้ชัยภูมิเป็นเมืองสมุนไพร เมืองแห่งความสุข รวมถึงเน้นการพัฒนาความรู้และปราชญ์สมุนไพรให้ขยายเต็มพื้นที่ชัยภูมิ

สำหรับการสร้างชัยภูมิเมืองสมุนไพรนั้น นายพงศธร กลางแท่น เจ้าหน้าที่ชำนาญการโครงการพัฒนาชุมชน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ  จำกัด (มหาชน) ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  การขับเคลื่อนเมืองสมุนไพรชัยภูมิเริ่มจากการรวบรวมเครือข่ายสมุนไพรชัยภูมิ ซึ่งรวมทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เกษตรกรใน 7 อำเภอ  ได้แก่ อ.ภูเขียว อ.เมือง อ.จตุรัส อ.แก่งคร้อ อ.คอนสวรรค์ อ.บำเหน็จณรงค์ และ อ.หนองบัวระเหว จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนเครือข่ายสมุนไพรชัยภูมิ เมื่อปี 2565 เป้าหมายสำคัญเป็นศูนย์กลางรับซื้อสมุนไพรจากกลุ่มและเกษตรกรในพื้นที่  พัฒนาองค์ความรู้ด้านสมุนไพร ตลอดจนพัฒนาและขยายช่องทางการตลาด ปัจจุบัน 7 อำเภอ มีพื้นที่ปลูกสมุนไพรรวม 147 ไร่ และกำลังขยายพื้นที่ปลูกอีก 135 ไร่  รวมทั้งหมด 282 ไร่

เกษตรกรชัยภูมิมีทักษะการปลูกพืชสมุนไพร แต่ขาดองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน GAP เป้าหมายของเครือข่ายมุ่งสู่เกษตรอินทรีย์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรอินทรีย์ ซึ่งการพัฒนาระบบการผลิตภาคการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผู้ผลิต และผู้บริโภค จะยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นมีความยั่งยืนในภาคเกษตรชัยภูมิ เน้นพัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้สามารถผลิตพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้ผลิตพืชสมุนไพร

“ แต่เดิมชุมชนจะปลูกแปลงใครแปลงมัน เมื่อชุมชนดีมีรอยยิ้มชัยภูมิเข้ามาร่วมดำเนินงาน จึงพัฒนาสู่แปลงรวมพันธุ์สมุนไพรในพื้นที่นำร่อง 3 อำเภอ คือ อ.ภูเขียว อ.จตุรัส และ อ.คอนสวรรค์ พื้นที่ 15 ไร่  ซึ่งคัดเลือกจากความพร้อมด้านแหล่งน้ำ  สมาชิก  มีระบบบริหารจัดการและการตลาดที่มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับผลผลิตที่จะออกมา โดยจะเริ่มเพาะปลูกสมุนไพรเดือนมีนาคม 2566 นี้ ส่วนพันธุ์สมุนไพรขึ้นกับความถนัดของเกษตรกรและสภาพพื้นที่ แปลงรวมนำร่องนี้จะเป็นแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่สำคัญ“  นายพงศธร กล่าว

แผนระยะยาวของการขับเคลื่อนชัยภูมิเมืองสมุนไพรต้นแบบ  มีแนวคิดจะขยายเครือข่ายสมุนไพรชัยภูมิให้ครบทุกอำเภอ  ซึ่งภาคีเครือข่าย  ไทยเบฟ พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ให้เกิดการขับเคลื่อนวิสาหกิจเพื่อสังคม (SE) สู่การเป็นพื้นที่ต้นแบบ ภายใต้โครงการพัฒนาชุมชน

นอกจากนี้ มีแผนการส่งเสริมสินค้าแปรรูปที่มีคุณภาพและมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และผลักดันให้การเดินหน้าสู่เมืองสมุนไพรเป็นนโยบายหลักของจังหวัดชัยภูมิ ส่วนแนวทางการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์พืขสมุนไพรตั้งเป้าหมายภายในปี 2570 เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต ดูแลปกป้องสุขภาพเกษตรกร รวมถึงสร้างสุขภาวะที่ดี ปัจจุบันยังมีปัญหาและอุปสรรคพื้นที่เกษตรโดยรอบสมาชิกเครือข่ายสมุนไพรเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยวใช้สารเคมี ส่งผลให้มุ่งสู่เกษตรอินทรีย์ไม่ได้ทั้งหมด

“ รอยยิ้มและความสุขของชุมชนในชัยภูมิวันนี้ คือ การมีพื้นที่พูดคุย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความร่วมมือร่วมใจทำงานเป็นเครือข่าย เกิดมิตรภาพระหว่างอำเภอ ได้พบเจอเพื่อนใหม่ ปราชญ์ชุมชนได้ส่งต่อภูมิปัญญา ช่วยกันสร้างความเข้มแข็งของชุมชน  สร้างเศรษฐกิจชุมชน พึ่งพาตนเองได้ “ นายพงศธร กล่าวทิ้งท้ายถึงความสุขที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนงานพัฒนาชุมชนอย่างมีส่วนร่วมและเป็นต้นแบบการพัฒนาอย่างแท้จริง

 

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ไทยเบฟ'หนุนช้างศึกชิงเจ้าอาเซียน เปิด'อะคาเดมี่'เป็นสนามซ้อม ตั้งเป้าคว้าทองซีเกมส์2025

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ผู้สนับสนุนหลักวงการฟุตบอลไทยมากว่า 25 ปี มุ่งมั่นสร้างรากฐานความยั่งยืนของกีฬาในทุกมิติ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ผ่านโครงการต่างๆ พร้อมถ่ายทอดแนวคิด Sportsmanship เพราะ มากกว่ากีฬา คือ น้ำใจนักกีฬา พร้อมส่งทัพช้างศึกฟุตบอลทีมชาติไทยชุด U-23 และสนับสนุนสนามซ้อม “ไทยเบฟ ฟุตบอล อะคาเดมี่” ตั้งเป้าทวงบัลลังก์แชมป์ในการแข่งขันมหกรรมกีฬา “ซีเกมส์” ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย “ไทยเบฟ” ร่วมผลักดันและพัฒนาวงการกีฬาของไทยบนเวทีนานาชาติ ในฐานะ Official Bronze Sponsor

"ไทยเบฟ" ได้รับรางวัลในสาขาความเป็นเลิศด้านผู้นำ และความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน จากเวที TMA Excellence Awards 2025

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลระดับ Distinguished สาขาความเป็นเลิศด้านผู้นำ (Leadership Excellence Award) และ สาขาความเป็นเลิศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน

“ผ้าห่มผืนเขียว” สัญลักษณ์ของรอยยิ้ม และความอบอุ่น สู่สังคมแห่งการ “ให้” ที่ยั่งยืน

ส่งท้ายการเดินทางของคาราวาน “ผ้าห่มผืนเขียว” โครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ปีที่ 26 ที่ได้ออกเดินทางส่งมอบรอยยิ้ม และความอบอุ่นครอบคลุมพื้นที่ 15

ไทยเบฟ ระดมจัดส่งน้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ช่วยเหลือผู้ประสบมหาอุทกภัย อย่างต่อเนื่อง

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ”) ร่วมส่งน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบมหาอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง โดยผสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเครือข่ายในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อเร่งระดมความช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

หายหนาว รับไออุ่น "ผ้าห่มผืนเขียว" จาก โครงการ “ไทยเบฟ…รวมใจต้านภัยหนาว” ปี 26

นับเป็นเวลา 26 ปี ที่คาราวาน "ผ้าห่มผืนเขียว" ใน “โครงการไทยเบฟ..รวมใจต้านภัยหนาว" ได้ออกเดินทางส่งมอบรอยยิ้ม และความอบอุ่นไปยังพี่น้องผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ห่างไกล