การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยในการจำกัดเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ไว้เพียง 24 ชั่วโมง กลายเป็นประเด็นร้อนที่จุดชนวนข้อกังขาอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ความโปร่งใสและการตรวจสอบกำลังเป็นประเด็นสำคัญ
นี่คือครั้งแรกที่ ‘แพทองธาร’ ต้องเผชิญกับกลไกตรวจสอบที่สำคัญของระบอบ ประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา แต่กลับพบว่าพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายรัฐบาลเลือกใช้แนวทางจำกัดขอบเขตการตรวจสอบให้น้อยที่สุด ซึ่งถือเป็นการฉีกธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองที่เคยมีมา และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยเอง
หากย้อนกลับไปดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีต รัฐบาลที่ผ่านมาล้วนเผชิญการซักฟอกในช่วงเวลาหลายวัน ฝ่ายค้านมีโอกาสนำเสนอข้อมูลหลักฐานเพื่อชี้ให้เห็นถึงปัญหาในการบริหารงาน ขณะเดียวกันรัฐบาลเองก็มีโอกาสตอบโต้เพื่อพิสูจน์ความชอบธรรมของตน
ในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การอภิปรายไม่ไว้วางใจในแต่ละครั้งกินเวลา 4-5 วัน แม้จะถูกมองว่าเป็นรัฐบาลอำนาจนิยม แต่กลับเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านตรวจสอบมากกว่าที่พรรคเพื่อไทยเลือกทำในครั้งนี้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงไม่ใช่แค่กระบวนการทางการเมืองเพื่อโจมตีรัฐบาล แต่ยังเป็นบททดสอบสำคัญที่ใช้พิสูจน์สมรรถนะของผู้นำประเทศ เพราะในระบอบประชาธิปไตย ผู้นำที่มั่นใจในความสามารถของตน ควรพร้อมรับการตรวจสอบและชี้แจงต่อสาธารณชนอย่างเปิดเผย ไม่ใช่หลบเลี่ยงหรือจำกัดกรอบการอภิปรายให้สั้นที่สุด
พรรคเพื่อไทยในอดีตคือพรรคฝ่ายค้านที่เคยเรียกร้องให้มีการตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะในยุครัฐบาล ”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ“ หรือยุค ”รัฐบาลประยุทธ์“ พรรคเพื่อไทยเป็นหัวหอกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และวิจารณ์รัฐบาลที่พยายามควบคุมเกมการเมืองด้วยการจำกัดเวลาการซักฟอก
แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยในฐานะรัฐบาลกลับเลือกใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้เพื่อปิดกั้นการตรวจสอบจากฝ่ายค้านเสียเอง
นี่คือความย้อนแย้งที่ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชน หยิบยกขึ้นมาโจมตีอย่างหนัก โดยมองว่าการกระทำของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ สะท้อนถึงอาการ “กลัวความจริง” และ “ไม่พร้อมรับแรงกดดัน” ซึ่งขัดแย้งกับหลักการประชาธิปไตยที่พรรคเคย กล่าวอ้าง ยึดถือมาโดยตลอด
ประเด็นสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามคือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตัวนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร” เอง การที่พรรคเพื่อไทยเลือกใช้แนวทางนี้ย่อมทำให้ประชาชนบางส่วนเกิดข้อกังขาต่อความสามารถในการบริหารประเทศ เพราะการลดเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจทำให้เกิดภาพลักษณ์ของการปิดบังข้อเท็จจริง หรือการไม่มั่นใจว่า “ผู้นำหญิงคนใหม่” จะสามารถรับมือกับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นได้
นอกจากนี้ “แพทองธาร” ยังเป็นผู้นำที่ถูกจับตามองอย่างมาก เนื่องจากเธอเป็นลูกสาวของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีภาพลักษณ์ของการใช้อำนาจบริหารที่เข้มแข็ง แต่ก็มาพร้อมข้อกล่าวหาเรื่องการครอบงำอำนาจทางการเมือง หาก “แพทองธาร” เลือกเดินแนวทางเดียวกับบิดาโดยการหลบเลี่ยงการตรวจสอบ การเมืองไทยอาจเข้าสู่ “ยุคลูก” ที่ไม่ต่างจาก “ยุคพ่อ” แม้แต่น้อย
ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชนได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตีอย่างหนัก โดยมองว่าการที่รัฐบาลจำกัดเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจเหลือเพียง 24 ชั่วโมง สะท้อนถึงเจตนาที่จะลดทอนอำนาจการตรวจสอบในระบบรัฐสภา ทำให้ฝ่ายค้านไม่มีเวลาเพียงพอที่จะชี้ให้เห็นถึงจุดบกพร่องของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน การเดินเกมของฝ่ายค้านครั้งนี้ยังตอกย้ำ “ภาพจำ” ของสังคมที่ว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวโน้มจะใช้กลไกอำนาจเพื่อปิดกั้นการตรวจสอบ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของ “ทักษิณ ชินวัตร” ซึ่งถูกวิจารณ์ในลักษณะเดียวกัน
การเลือกเดินแนวทางนี้ของพรรคเพื่อไทย จะเลี่ยงไม่พ้นที่จะส่งผลเสียต่อพรรคในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งครั้งหน้ามาถึง
เพราะประชาชนในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการตรวจสอบมากขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบที่ตามมาคือการลดลงของคะแนนนิยม และเปิดช่องให้พรรคคู่แข่งสามารถโจมตีจุดอ่อน “หลบเลี่ยงการตรวจสอบ” นี้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ “แพทองธาร” ถูกคาดหมายว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็น “ผู้นำ” ที่พร้อมเปิดรับการตรวจสอบและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคำวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายค้านและประชาชน
สถานการณ์นี้จะกลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้ “แพทองธาร-พรรคเพื่อไทย” ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการคว้าชัยในสนามเลือกตั้ง
เมื่อการเมืองไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่ประชาชนให้ความสำคัญกับความโปร่งใสมากขึ้น พรรคเพื่อไทยและแพทองธารต้องตัดสินใจให้ดีว่า การเลือกจำกัดการตรวจสอบเช่นนี้จะคุ้มค่าหรือไม่
เพราะหากประชาชนมองว่าเกมการเมืองครั้งนี้เป็นการเล่นเพื่อตัวเองมากกว่าการบริหารประเทศเพื่อประชาชน อนาคตของพรรคเพื่อไทย อาจไม่สดใสอย่างที่คิด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'จุลพันธ์' กั๊กวันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ลั่น 'ต่อให้รู้ก็บอกไม่ได้'
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุหากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นช่วงเวลาใด ต่อให้รู้ก็บอกไม่ได้
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
เพื่อไทย เปิดตัว 'อดีตปลัด ก.เกษตร' ลงสนามชนบ้านใหญ่ 'ศิลปอาชา'
พท.เปิดตัว “ประยูร อินสกุล” อดีตปลัด ก.เกษตรฯ ลงสนามชนบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” ไม่ฟันจะปักธงเมืองสุพรรณได้หรือไม่ ชี้ขึ้นกับ ปชช. อ้อนกาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค

