เช้าวันที่ 9 เมษายน 2568 ผู้ชุมนุมจากหลากหลายเครือข่ายทยอยปักหลักหน้าอาคารรัฐสภาใหม่ที่เกียกกาย พร้อมตะโกนเสียงดัง “ไม่เอากาสิโน” ท่ามกลางแดดร้อนและการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ แม้จะรู้ดีว่า วันนี้จะไม่มีการพิจารณาร่างกฎหมายกาสิโนในวาระที่หนึ่ง
หนึ่งวันก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร พร้อมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ได้แถลงร่วมกันว่า จะ เลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ออกไปก่อน โดยให้เหตุผลว่า ยังมีวาระเร่งด่วนอื่นที่ต้องจัดการ
แต่ในสายตาของผู้ชุมนุม ไม่มีใครเชื่อว่านั่นคือการถอยร่างกฎหมายยังคาอยู่ในระเบียบวาระ ไม่มีคำว่า “ถอน” หรือ “ยุติ” และไม่มีแม้คำรับปากว่า รัฐบาลจะทบทวนเนื้อหาร่างกฎหมาย
สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่การยอมฟังเสียงประชาชน แต่คือ การตั้งหลักเพื่อรอจังหวะใหม่ ที่แรงคัดค้านอ่อนแรงลง แล้วจึงกลับมาผลักดันต่อ
ภาษาที่นายกฯ ใช้ในวันแถลงดูนุ่มนวล แต่ไม่ได้แสดงถึงความตั้งใจจะหยุด กลับสะท้อนว่า กำลังประคองเกมทางการเมือง มากกว่าจะรับฟังความไม่เห็นด้วยอย่างจริงจัง
ยิ่งเมื่อ ไม่มีคำอธิบายว่าใครอยู่เบื้องหลังการผลักดัน ใครจะได้รับสัมปทาน หรือจะมีกลไกควบคุมผลกระทบอย่างไร ก็ยิ่งตอกย้ำว่า นี่ไม่ใช่ความต้องการของสังคม แต่คือวาระของใครบางคน
ในเย็นวันเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ออกมาให้สัมภาษณ์สื่ออย่างแข็งกร้าว ประกาศว่า พรรคของเขา “ฟังผู้นำรัฐบาลเป็นหลัก ท่านว่าอย่างไร เราก็ว่ายังงั้น”
พร้อมกล่าวหาผู้คัดค้านว่า “อย่าทำตัวเป็นพวกเกลียดปลาไหลกินน้ำแกง เป็นพวกสังคมกระแดะ ไม่อยู่กับโลกความจริง”
คำพูดนี้ไม่เพียงดูแคลนประชาชน แต่ยังเป็นการใช้วาทกรรมกดทับความเห็นต่าง ลดทอนข้อเรียกร้องเรื่องความโปร่งใส ให้กลายเป็นเพียงอารมณ์โลกสวย
แม้ ธรรมนัส จะพูดในนามพรรคกล้าธรรม แต่ด้วยสถานะของพรรคร่วม และน้ำเสียงที่ดังกว่าหัวหน้ารัฐบาล คำพูดของเขากลับกลายเป็นเสียงหลักที่สังคมได้ยิน ในขณะที่ผู้นำประเทศกลับพูดน้อยกว่าคนรอบโต๊ะ
และเมื่อพิจารณาเนื้อหาในคำพูด วาทกรรม “อยู่กับโลกความจริง” ถูกใช้เป็นเกราะกำบังนโยบายเสี่ยงแทนที่จะใช้เหตุผลอธิบายว่า กาสิโนจะสร้างประโยชน์ได้อย่างไร และจะป้องกันผลกระทบได้แบบไหน
หาก “โลกจริง” ที่ ธรรมนัส พูดถึงคือโลกที่เชื่อว่า เปิดกาสิโนแล้วคนจนจะหลุดพ้นความยากจนทุนเทาจะช่วยเศรษฐกิจโดยไม่มีราคาต้องจ่ายและบ่อนเถื่อนจะหายไปเพียงแค่เปิดบ่อนถูกกฎหมาย
ก็ชัดเจนว่านั่นคือ โลกที่มีแต่ความเชื่อ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
หลายประเทศที่เปิดกาสิโนแม้ถูกกฎหมาย ก็ยัง พบปัญหาเดิม หนี้ครัวเรือนพุ่ง การพนันเข้าถึงเยาวชนและฟอกเงินผ่านระบบการเงิน หากไม่มีคำตอบ ว่าไทยจะควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร การกล่าวหาผู้เห็นต่างว่า “กระแดะ” จึง ไม่ใช่การโต้แย้ง แต่มากกว่าคือการเบี่ยงเบนจากคำถาม
ในจังหวะที่รัฐบาลเงียบ น้ำเสียงขอ งธรรมนัส กลับกลายเป็น คำตอบกลางที่ไม่มีใครใน ครม. กล้าพูดชัด และนี่เองที่ทำให้คำว่า “ปลาไหล” ซึ่งเขาใช้ใส่ประชาชน ย้อนกลับมาสะท้อนตัวเขาเองโดยไม่ตั้งใจ
ในระบบที่ผู้พูดสามารถ เลื่อนไหลระหว่างคำปฏิเสธกับการยืนยัน โดยไม่ต้องรับผิด ลื่นไหลไปในทุกสมการทางการเมือง โดยไม่แบกต้นทุนอะไรเลย คนแบบนั้นต่างหากที่ควรถูกตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วกำลังพูดในนามของใคร
คำตอบบางส่วนเริ่มปรากฏ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ส่งสัญญาณกดดันพรรคร่วม หากไม่โหวตรับร่างกฎหมาย อาจต้องพิจารณาถึงการอยู่ในรัฐบาล
ธรรมนัส รีบปฏิเสธทันที โดยกล่าวว่า “ต้องพูดเป็นกลางว่าเรื่องนี้ไม่ได้มาจากท่านทักษิณ…ตนอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุด้วย” และยืนยันว่า คำพูดดังกล่าวมาจากพรรคร่วมบางพรรค ไม่ใช่จากอดีตนายกรัฐมนตรี
ถ้อยคำนี้อาจดูเหมือนเป็นการปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา แต่ในความพยายามจะล้างข้อกล่าวหา ธรรมนัส กลับเปิดเผยว่า มีวงเจรจาที่พูดถึงประเด็นนี้เกิดขึ้นจริง และเขาก็ อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยตัวเอง
ถ้าเขาอยู่ในเหตุการณ์ แล้วรู้ว่าไม่ใช่ทักษิณ ย่อมต้องรู้ด้วยว่าใครเป็นคนพูด และพูดต่อหน้าใครการที่ไม่ระบุชื่อใด ๆ จึงไม่ลบข้อสงสัย แต่ยิ่งเติมไฟให้กับคำถาม
ในเวลาเดียวกัน พรรคเพื่อไทย ก็เพิ่งแถลงอย่างแข็งกร้าว ว่า “ทักษิณไม่มีบทบาท ไม่ได้บีบบังคับใคร”
แต่เมื่อ ธรรมนัส พูดว่า “อยู่ในเหตุการณ์” แนวป้องกันของพรรคกลับพังลงทันที เพราะหากไม่มีบทบาทเลยจริงๆ ก็ไม่ควรมีเหตุการณ์ให้ต้องปฏิเสธในลักษณะนี้ตั้งแต่แรก
เมื่อเชื่อมโยงทุกจุดเข้าด้วยกัน ภาพของรัฐบาลชุดนี้ก็ชัดขึ้นทุกขณะ มีปลาไหลที่ลื่นอยู่หน้าฉาก และมี คนที่ยังไม่ลุกจากโต๊ะอยู่หลังฉาก
แม้ร่างกฎหมายจะเลื่อนออกจากระเบียบวาระ แต่มันยังอยู่ในสารบบ ไม่มีคำว่า “ถอน” หรือ “ยุติ” สิ่งที่รัฐบาลทำมีเพียงแค่ หยุดชั่วคราวเพื่อซื้อเวลา
ประชาชนจึงไม่อาจวางใจ เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่แค่การเลื่อนแต่คือ คำอธิบายที่โปร่งใส และความรับผิดชอบต่ออนาคตของประเทศ
หากผู้ผลักดันร่างกฎหมายยังคง ไม่ตอบคำถามเรื่องทุนเทา กลไกควบคุม หรือข้อจำกัดทางศีลธรรม แต่เลือกใช้วาทกรรมเหยียดกลับคนเห็นต่าง
นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมแต่มันคือ โต๊ะอาหารของอำนาจ ที่ประชาชนถูกกันออกไปอยู่ข้างนอก เหลือเพียงเสียงของผู้ไม่มีตำแหน่ง แต่สั่งได้ทุกอย่าง
และตราบใดที่ ร่างกฎหมายยังไม่ถูกถอน ตราบใดที่ผู้พูดแทนอำนาจยังลื่นไหลไม่หยุดและตราบใดที่ ผู้นำเงายังไม่ลุกจากโต๊ะ
บ่อนก็ยังอยู่ ปลาไหลก็ยังลื่น และทักษิณ…ก็ยังนั่งหัวโต๊ะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ
เพื่อไทย เปิดตัว 'อดีตปลัด ก.เกษตร' ลงสนามชนบ้านใหญ่ 'ศิลปอาชา'
พท.เปิดตัว “ประยูร อินสกุล” อดีตปลัด ก.เกษตรฯ ลงสนามชนบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” ไม่ฟันจะปักธงเมืองสุพรรณได้หรือไม่ ชี้ขึ้นกับ ปชช. อ้อนกาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค
🛑LIVE คิด - วิเคราะห์ - แยกแยะ!! ภาพร่วมเฟรม 'เจ้าพ่อสแกม' | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ :วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568


