ปรับ ครม. ไปก็แค่งานช่าง! ถ้าผู้นำยังไร้วุฒิภาวะ-คนสั่งการไม่อยู่ในระบบ

การเมืองไทยหลังสงกรานต์เต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องการปรับ ครม.ไม่มีใครปฏิเสธว่ารัฐบาลกำลังเผชิญแรงเสื่อมทั้งในและนอกสภาแต่ในเมื่อ แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลไร้วุฒิภาวะ และผู้ที่มีบทบาทในการตัดสินใจจริงไม่ได้อยู่ใน ครม.ต่อให้เปลี่ยนเก้าอี้ทั้งคณะ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าทิศทางของประเทศจะเปลี่ยนตาม

ทุกสัญญาณบ่งชี้ว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงภายในรัฐบาลในไม่ช้าแต่ไม่ใช่เพราะแรงกดดันจากประชาชนหากเป็นการจัดวางภายในเพื่อประคองสมดุลของพรรคร่วมและรองรับการส่งสัญญาณจากผู้มีอิทธิพลทางการเมืองที่ไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล

แม้ตามรัฐธรรมนูญ การปรับ ครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีแต่ในรัฐบาลชุดนี้ แพทองธาร ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจเรื่องสำคัญเหล่านั้นอย่างแท้จริง

เธอปรากฏตัวบ่อย พูดต่อหน้าสื่อ ออกงานทุกเวทีแต่กลับไม่สามารถควบคุมจังหวะการเมืองของรัฐบาลได้เลย

คำตอบของ แพทองธาร หลายครั้งเต็มไปด้วยความลังเล คลุมเครือ และไม่สะท้อนความเข้าใจในปัญหาที่ประเทศเผชิญ

ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงกลายเป็นเพียงบทบาทเชิงสัญลักษณ์ในขณะที่คำสั่งและการจัดวางอำนาจถูกกำหนดมาจากบุคคลที่ไม่มีตำแหน่งใน ครม.แต่มีบทบาทแทบทุกด้านในการกำหนดทิศทางของรัฐบาล

และเมื่อภาวะผู้นำไม่เกิดการปรับ ครม. จึงไม่ใช่การตัดสินใจทางยุทธศาสตร์แต่เป็นเพียง “งานช่าง” ที่ลงมือจัดเก้าอี้ตามแปลนที่มีคนวางไว้แล้ว

แพทองธาร ไม่ได้เป็นคนออกแบบการปรับ ครม.ไม่ได้กำหนดว่าใครควรอยู่หรือไปแต่ทำหน้าที่เหมือนช่างรับเหมา ที่ประกอบตามคำสั่งของคนที่ไม่ได้อยู่ใน ครม. และนั่นคือเหตุผลที่ประชาชนจำนวนมากไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง

ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป แต่อยู่เบื้องหน้าอย่างเปิดเผย พบผู้นำต่างประเทศ ออกสื่อ ให้สัมภาษณ์แทนพรรคและส่งสัญญาณเรื่องโครงสร้างรัฐบาลโดยตรง

ในขณะที่ นายกรัฐมนตรีคือลูกสาว แต่ผู้ที่มีอิทธิพลต่อการจัด ครม. จริงกลับเป็นบิดา ซึ่งไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้ และไม่มีตำแหน่งใดในระบบ

นี่คือข้อเท็จจริงทางการเมืองที่ประชาชนจำนวนมากมองเห็น ว่าผู้ที่ควบคุมรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้อยู่ใน ครม.แต่กลับสามารถกำหนดนโยบาย ท่าที และการตัดสินใจหลักทั้งหมด

เมื่ออำนาจตัดสินใจไม่ได้อยู่ในระบบ การปรับ ครม. จึงไม่ต่างจากการจัดวางเก้าอี้ใหม่ โดยไม่มีใครเปลี่ยนมือคนควบคุม

ประชาชนไม่ได้คาดหวังอะไรกับการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเพราะเห็นว่าไม่ได้เกิดจากความจำเป็นเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองแต่เป็นเพียงการประคองอำนาจ และจัดสรรผลประโยชน์ในหมู่พรรคร่วม

นิด้าโพลก็ยืนยันว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการปรับ ครม.ยกเว้นบางกระทรวง เช่น พาณิชย์ส่วนกระทรวงหลักอื่น ๆ ประชาชนกลับไม่เห็นว่าการเปลี่ยนจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

เพราะเข้าใจดีว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐมนตรีคนใดแต่คือการใช้อำนาจของบุคคลที่ไม่มีตำแหน่ง แต่สามารถสั่งการรัฐบาลได้ทั้งหมด

แม้กรณี พิชัย นริพทะพันธุ์ จะสร้างแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยแต่ก็เป็นเพียงปัญหาเรื่องตำแหน่ง ไม่ใช่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์

ฝ่ายค้านเองก็ไม่แข็งแรงพอจะเขย่ารัฐบาลได้แต่ฝ่ายบริหารก็ยังต้องเดินแบบระมัดระวังเพราะความเปราะบางอยู่ที่พรรคร่วม และการพึ่งพาคำสั่งจากคนนอกตำแหน่ง

เมื่อผู้นำไม่มีภาวะ ผู้มีตำแหน่งไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจ และผู้ที่ตัดสินใจไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล การเมืองไทยจึงไม่มีวันเดินหน้า ไม่ว่าจะปรับ ครม. กี่ครั้งก็ตาม

คนที่ควรเปลี่ยน ไม่ใช่รัฐมนตรีในบัญชี ครม.แต่คือระบบที่เปิดทางให้บุคคลที่ไม่มีตำแหน่งทางการเมืองสามารถควบคุมประเทศได้โดยไม่ต้องรับผิดใดๆ

นี่คือความเปลือยเปล่าของการเมืองไทย ในเวลานี้ที่ผู้นำไม่มีภาวะ อำนาจไม่อยู่ในระบบ และรัฐบาลไม่มีคำอธิบายใดต่อประชาชน

และในวันที่ผู้ควบคุมเกมไม่เปลี่ยนตำแหน่งผู้มีตำแหน่งไม่เปลี่ยนบทบาทและทั้งระบบการเมืองยอมให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปภายใต้ “ความลวงแบบเปิดเผย”

เราก็ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยไม่ได้มีรัฐบาลที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอย่างแท้จริง ต่อให้เปลี่ยนรัฐมนตรีอีกกี่ครั้ง หากคนที่ไม่มีตำแหน่งยังสามารถสั่งการรัฐบาลได้โดยไม่ต้องรับผิดใดๆการเมืองไทยก็จะไม่เปลี่ยนแปลง และประชาชนก็จะยังคงถูกทอดทิ้งอยู่เช่นเดิม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัยวุฒิ' จี้ 'อภิสิทธิ์' ประกาศให้ชัดจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยไหม

'ชัยวุฒิ' จี้ 'อภิสิทธิ์' ชี้แจงให้ชัด จะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ หลังประกาศไม่ร่วม 'กล้าธรรม' ชี้ FC ประชาธิปัตย์สับสน

'เดชอิศม์' เปิดใจเว้นวรรคการเมือง ไม่ลงสมัครเลือกตั้ง ไม่เป็นสมาชิกพรรค

นายเดชอิศม์ ขาวทอง อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต สส.สงขลา เขต 5 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เปิดใจนายกชาย "ผมขอหยุด เพื่อประกาศให้คนไทยเห็นว่าผมไม่เห็นด้วยกับระบบการเมืองที่บิดเบี้ยวในขณะนี้"

เพื่อไทยแปดริ้ว ดัน ‘โจ๊ะ’ พันธุ์พงศ์ ชิง สส.เขต 2

สนามเลือกตั้ง เพื่อไทยแปดริ้ว “เฮียเน้า” สมชัย อัศวชัยโสภณ ดันลูกชาย “โจ๊ะ” พันธุ์พงศ์ ชิงพื้นที่ เขต 2 จ.ฉะเชิงเทรา อ้อนคนในพื้นที่ขอชนะใจด้วยการทำงาน เชื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไม่ประมาทคู่แข่ง