ในช่วงเวลาที่ แรงกระเพื่อมจากมติแพทยสภา เริ่มทำหน้าที่เสมือนหินปาใส่บานกระจกของระบบยุติธรรม การเคลื่อนไหวของ สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็เปิดเผยตัวตนชัดเจนขึ้นว่า ไม่ได้มาเพื่อ “เตือนระบบ” หากแต่ “ขวางระบบ” เพื่อให้อีกคนหนึ่งปลอดภัย
เพราะสมศักดิ์ไม่ใช่รัฐมนตรีคนกลาง ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่มาจากโควตาเทาๆ แต่คือ คนของทักษิณ คนที่เดินกลับเข้ามาพรรคเพื่อไทยโดยรู้ว่าใครคือเจ้าของอำนาจตัวจริง
ดังนั้นในนาทีที่มติแพทยสภาชี้มูลแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ 3 ราย ว่ามีมูลผิดวินัย เพราะอาจมีส่วนในการ “สร้างฉากจำลอง” ให้อดีตนายกฯ ได้รับสิทธิพิเศษทางการแพทย์จนไม่ต้องรับโทษจริง สมศักดิ์จึงไม่อยู่เฉย
ไม่ใช่เพราะห่วงภาพลักษณ์แพทยสภา ไม่ใช่เพราะกลัวว่าข้อเท็จจริงจะผิดเพี้ยน แต่เพราะรู้ดีว่า หากปล่อยให้ศาลเดินหน้าตามพยานหลักฐานแบบไม่มีแรงต้าน คนอย่างทักษิณอาจต้องกลับเข้าคุก
และหากทักษิณกลับเข้าคุก รัฐบาลนี้ก็จะไม่เหลืออะไร
การปกป้องทักษิณจึงไม่ใช่ภารกิจส่วนตัวของใครบางคน แต่มันคือการ ต่อชีวิตของรัฐบาล ที่ทักษิณเป็นทั้งสมอง กลไก และเงาที่ยืนอยู่ด้านหลัง
วันที่ 13 มิถุนายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเปิดฉากไต่สวน ว่าทักษิณได้รับการบังคับโทษตามกฎหมายจริงหรือไม่ในช่วง 180 วัน
และคำตอบนี้จะเป็น รอยปริแตกของทุกอย่าง — เพราะหากศาลเห็นว่ามีความผิดปกติในกระบวนการบังคับโทษ การปล่อยตัวจะกลายเป็นโมฆะ
และเมื่อสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นโมฆะ สิ่งที่เหลืออยู่คือ แรงกระแทกแบบไม่มีเบรก ตรงเข้าสู่รัฐบาล
นี่จึงเป็นเหตุผลที่สมศักดิ์ ออกหน้า โดยอาศัยตำแหน่งรัฐมนตรี ส่งหนังสือเพื่อ วีโต้ หรือปฏิเสธมติแพทยสภาอย่างเป็นทางการ อ้างความห่วงใยต่อมาตรฐานการวินิจฉัย พร้อมแนบข้อสังเกตเชิงระบบ
แม้ไม่มีอำนาจล้มมติ แต่ทุกคนในสนามการเมืองต่างรู้ว่า นี่คือเสียงที่ถูกส่งมาตามแนวตั้ง จากคนที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ไม่ใช่ที่กระทรวงสาธารณสุข
สิ่งที่ทำ ไม่ได้มุ่งสร้างความน่าเชื่อถือ หากแต่ ลดความน่าเชื่อถือของมติแพทยสภาและเปิดโอกาสให้ศาลมี “จุดให้ลังเล” ในการประเมินน้ำหนักพยาน
ทั้งหมดนี้ ไม่ได้แนบเนียนเลยด้วยซ้ำ เพราะทุกฝ่ายที่ติดตามอยู่รู้ดีว่า การออกหน้าครั้งนี้คือการประกาศว่า ฝ่ายการเมืองจะไม่ปล่อยให้ทักษิณล้มลงในศาลง่าย ๆ
แม้จะต้องข้ามเส้นของความเหมาะสม แม้จะดูเหมือนแทรกแซงกระบวนการอิสระ ก็ยังจำเป็นต้องทำ เพราะเมื่อทักษิณล้ม รัฐบาลนี้ก็จะล้ม
การเคลื่อนไหวของสมศักดิ์จึงไม่ใช่การรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างเป็นกลาง หากแต่คือการ ปกป้องทักษิณโดยตรง เพื่อให้รัฐบาลยังคงยืนอยู่ได้
ความมั่นคงของรัฐบาล ไม่ใช่เป้าหมายโดยตรง แต่คือผลพลอยได้จากการรักษาอำนาจของทักษิณ
ตรงนี้เองที่ทำให้บทบาทของสมศักดิ์ ไม่อาจถูกตีความว่าเป็นกลาง หรือแยกตัวจากเกมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เขาคือหนึ่งในเครือข่ายที่เติบโตมากับระบอบทักษิณ และยังคงวางเดิมพันอยู่ในระบอบเดิมนั้นไม่เคยเปลี่ยน
หากการไต่สวนของศาลเดินหน้าโดยไม่มีจุดสะดุด และผลสุดท้ายคือการยืนยันว่าทักษิณไม่เคยถูกบังคับโทษจริง เส้นทางกลับเข้าคุกจะเปิด และพรรคเพื่อไทยจะไม่มีทางกลบกระแสสังคมได้อีก
แต่หากเกมนี้ยังสามารถถ่วงไว้ได้อีกนิด ถ่วงจนกว่าโครงสร้างบางอย่างในฝ่ายบริหารจะถูกปรับมือใหม่ ขั้วอำนาจที่แท้จริงก็ยังอาจรักษาสมดุลไว้ได้
จังหวะที่สมศักดิ์ออกมาขวาง จึงไม่ใช่ความบังเอิญ และไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์สาธารณะใด ๆ นอกจากการ ปิดทางไม่ให้ทักษิณล้มลงในสนามที่เรียกว่าศาลยุติธรรม
นี่คือ ศิลปะของเกมอำนาจ ที่ชัดเจนขึ้นทุกวัน และไม่จำเป็นต้องซ่อนอีกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘สมศักดิ์’ ประชุมคืบหน้าแก้น้ำท่วมยมฝั่งขวา เร่งคุยชาวบ้านเดินหน้าโครงการ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโ
สมศักดิ์ลงสุโขทัย รับฟังปัญหาน้ำท่วม-ชาวบ้านเริ่มถามฝ่ายค้ำต้องร่วมรับผิดชอบด้วยหรือไม่
“สมศักดิ์” ย้ำ แผนป้องกัน-เตือนภัย-รับมือฉุกเฉินต้องครบ มิฉะนั้นซ้ำรอยหาดใหญ่ พร้อมสะท้อนเสียงชาวบ้านที่เริ่มตั้งคำถามฝ่ายค้ำต้องร่วมรับผิดชอบน้ำท่วมด้วยหรือไม่ ขณะ “ณัคนางค์” ดึงประสบการณ์ด้านการเงินมาหนุนสุโขทัย
‘สมศักดิ์’ ลุยพิษณุโลก ดันธนาคารน้ำใต้ดินเป็นนโยบายชาติ แก้วัฏจักรท่วม-แล้ง
“สมศักดิ์” ลุยจ.พิษณุโลก ดูโมเดลธนาคารน้ำใต้ดิน เตรียมผลักดันทำทั่วประเทศ ช่วยบรรเทาน้ำท่วม-น้ำแล้ง-ป้องกันน้ำหลาก-ไฟป่า ชี้ ช่วยสร้างความชุ่มชื้น เกษตรกรได้ผลผลิตเพิ่ม ขณะที่ “ดร.เร่งรัด” เผย สาเหตุไทย ท่วม-แล้ง ตลอด หลังเก็บน้ำฝนได้เพียง 1
‘เสรีพิศุทธ์’ จัดเต็ม ‘ทักษิณ’ ยังไม่สิ้นกรรม แฉลึก...ศึกสีกากี
กลายเป็นเรื่องที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมาก กับการออกเปิดโปง-แฉข้อมูลเรื่องตำรวจรับผลประโยชน์ รับส่วยจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
'ภูมิใจไทย'โชว์พร้อมยุบสภา 'ทักษิณ'ถูกสกัด-'พท.แพแตก'
การเมืองเวลานี้ต้องจับตาว่าจะมีการเลือกตั้งตาม MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ที่กำหนดวันเลือกตั้งไว้วันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งใหญ่หรือไม่
สมศักดิ์-สมนึก ควงจิรพงษ์ ลุยนนทบุรี ชูคนทำงานตัวจริง ขอเสียงพาเข้าสภาฯอีกครั้ง
“สมศักดิ์” พร้อม “นายกฯสมนึก-จิรพงษ์” ลงพื้นที่ฟังความเห็นชาวนนทบุรี ชู เลือกคนทำงาน-เข้าใจปัญหา ช่วยแก้ปัญหาให้ชาวนนทบุรีได้ มั่นใจเชื่อมือคนเก่ง ขณะที่ ”จิรพงษ์” ชี้ เป็น สจ.16 ปี เข้าใจปัญหาหมด พร้อมเดินหน้าแก้เต็มที่ ขอโอกาสกลับเข้าทำงานสภาฯ


