'รวมไทย' แตกตัว จุดเสื่อมลึกของพรรค 'สร้างชาติ' ที่ไม่มีใครอยากเป็นเจ้าของ

แฟ้มภาพ

คนที่ติดตามการเมืองไทยในรอบปีหลังการเลือกตั้ง คงไม่ต้องใช้กล้องส่องก็พอมองเห็นว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ “รทสช.” กำลังเดินเข้าสู่โหมดล่องลอยไร้ทิศ

ไม่ใช่แค่ รัฐบาลไร้ผลงาน ที่จะจับต้องได้แบบรูปธรรมเท่านั้น

แต่ ภายในพรรคเองก็เข้าสู่ภาวะล่มสลายเงียบ จากที่เคยเป็นแค่รอยร้าว วันนี้มันแตกเสียงดังในที่แจ้ง

สุชาติ ชมกลิ่น ไม่ใช่คนที่ซ่อนอะไรเก่งอยู่แล้ว เขาเป็นนักการเมืองที่เดินเกมเปิดหน้าเสมอ และยิ่งในช่วง 5-6 เดือนหลังมานี้ การเคลื่อนไหวของเขาแทบจะพูดแทนทุกอย่างที่เขาคิดได้โดยไม่ต้องเปิดไมค์

“มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน” ไม่ได้เป็นแค่คำปลอบใจ แต่เป็นคำสั่งถอยที่มีการจัดกระบวนทัพไว้เรียบร้อยแล้ว

กินข้าวกันเป็นกิจวัตร แต่เนื้อหาในวงสนทนา ไม่ได้เกี่ยวกับมื้ออาหาร

มันคือ การวางโรดแมปทางการเมือง และการคัดกรองคนที่พร้อมจะออกเดินทางใหม่ในสนามหน้า

ชื่อ “พรรคโอกาสใหม่” หรือชื่ออะไรก็ตามที่สุชาติพูดถึงบ่อยขึ้น ไม่ได้มีไว้ขู่ แต่มันคือ สัญญาณที่คนในแวดวงรู้ดีว่า มีการตั้งไข่จริง

เพราะความมั่นใจที่เขากล้าท้าให้ขับออกจาก รทสช. สะท้อนว่ามีการนับจำนวนเสียงกันมาแล้ว และจำนวนที่อยู่ในมือ ไม่ใช่แค่ 5-6 คนตามคำสบประมาท

ตัวเลขที่แท้จริงอาจแตะ 20 และมากพอจะทำให้ รทสช. หวิวได้ทันที

ที่น่าสังเกตคือ มันไม่ใช่การแตกแยกจากคนนอก

แต่มันคือ การลุกขึ้นมาทวงสิทธิจากคนในระดับผู้ก่อตั้ง อย่าง “เสกสกล อัตถาวงศ์” หรือ “แรมโบ้” ที่ออกมาประกาศกลางสื่อว่า “ขอทวงพรรคคืน”

คำพูดนี้ไม่ได้เกิดจากอารมณ์เฉพาะกิจ

แต่มันคือ บทสรุปของความรู้สึกว่า พรรคถูกยึดโดยคนที่ไม่ได้แบกมันมาตั้งแต่ต้น และไม่ได้เปิดพื้นที่ให้คนเก่ามีตัวตนอีกต่อไป

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจจะได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่างถูกต้องตามกติกา

แต่คำว่า “ถูกต้อง” นั้น ไม่ได้แปลว่า “ถูกใจ” หรือ “ชอบธรรม” ในเชิงการเมืองเสมอไป

การบริหารพรรคแบบรวมศูนย์ ไม่เปิดรับเสียงจากทุกกลุ่ม ไม่ฟังเสียงสะท้อนจากอดีตคนร่วมบุกเบิก ทำให้พรรคเหมือนบ้านที่เย็นเฉียบในสายตาคนอยู่

เมื่อคำว่า “ความอบอุ่น” หายไป พรรคก็กลายเป็นแค่ ห้องว่างที่ไร้เจ้าของ

หิมาลัย ผิวพรรณ พยายามยืนยันว่าแรมโบ้หลุดสมาชิกภาพแล้ว และพรรคยังอยู่ภายใต้ข้อบังคับ

แต่ในเชิงจิตวิทยาทางการเมือง มันคือการปิดปากอดีตสมาชิก โดยไม่ได้ตอบคำถามหลักว่า ใครเป็นเจ้าของพรรคนี้จริงๆ

เพราะถ้าพรรคที่เคยเกิดขึ้นเพื่อผลักดัน “พล.อ.ประยุทธ์” ให้กลับมาเป็นนายกฯ สมัยสุดท้าย วันนี้ไม่มีเป้าหมายแล้ว

โครงสร้างก็ไม่มีเหตุผลจะคงอยู่

ถ้า “จุดเริ่ม” คือพันธกิจเฉพาะกิจ วันนี้ก็คือ “วันสิ้นภารกิจ”

สิ่งที่เหลือคือซากของการรวมกลุ่มแบบไม่ผูกพัน

และไม่ต้องแปลกใจที่คนระดับ “รองหัวหน้าพรรค” อย่างสุชาติ จะค่อยๆ ถอยออกมา พร้อมบอกว่า “น้ำเต็มแก้ว”

นี่ไม่ใช่คำดูดี แต่คือ การส่งสารว่าพื้นที่ในพรรคนี้ ไม่เหลือให้ความคิดใหม่งอกเงย

บางคนในพรรคอาจยังลังเล ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ เพราะกลัวสะเทือนสถานะความเป็น ส.ส.

แต่นั่นก็ยิ่งตอกย้ำว่า มีคนอีกจำนวนมากพร้อมจะย้าย ถ้าเห็นสุชาติเดินนำ

และสุชาติเองก็ไม่ใช่คนที่เดินลำพัง เขามีเครือข่าย มีสายภาคตะวันออก และมีทุนทางการเมืองเพียงพอจะสร้างพรรคใหม่ หรือเจรจากับพรรคเล็กเพื่อสลักบทบาทใหม่

สิ่งที่เรากำลังเห็นคือ กระบวนการเกิดของ “กลุ่มอิสระหลังยุค 3 ป.” ที่ไม่ได้ต้องการสวมเสื้อพรรคใหญ่ใดอีกต่อไป แต่ต้องการเล่นเกมในโหมดต่อรองแบบใหม่

ในยุคที่พรรคใหญ่ไม่มีเสน่ห์พอจะดูดทุกกลุ่ม และพรรคเล็กก็ไม่ยอมเป็นแค่ไม้กันหมา

รทสช. จึงอาจกลายเป็น “ซากพรรค” ที่ไม่มีใครอยากสวมชื่อไว้บนหน้าอก

ไม่มีเสียงในสภา ไม่มีภาพลักษณ์ในสื่อ ไม่มีเจ้าของพรรคที่คนยอมรับ

จะมีก็แค่การยืนระบุว่า “ฉันอยู่ตรงนี้ตามข้อบังคับ” แต่ข้างในกลับ ว่างเปล่าแบบไร้หัวใจ

ถ้าจะพูดแบบไม่อ้อมค้อม รทสช. ไม่ได้แค่กำลังจะเสียคน แต่กำลัง สูญเสียคุณค่าความเป็นพรรคการเมือง โดยสิ้นเชิง

และในโลกของการเมืองไทย ความว่างเปล่าแบบนี้ ไม่เคยอยู่ได้นาน ใครจะอยู่ ใครจะไป คำตอบอยู่ที่จังหวะ

และถ้าจังหวะเปลี่ยน 20 กว่าเสียง ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร อาจเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้ “สมดุลอำนาจ” ของรัฐบาลเปลี่ยนหน้าได้ในพริบตา

รทสช. จะเหลืออะไร?

คงเหลือเพียงชื่อ ‘ยานแม่’ ที่เคยถูกหวังว่าจะพา พลเอกประยุทธ์ กลับสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครั้งหนึ่ง พรรคนี้ถูกมองเป็นยานแม่ใหญ่ ที่จะพาทหารผู้นำกลับคืนทำเนียบรัฐบาลอย่างมั่นคงและแข็งแรง

แต่ในความเป็นจริง ภารกิจนั้นไม่เคยสำเร็จ เพราะพรรคไม่ได้ชนะเลือกตั้งตามเป้าและพลเอกประยุทธ์ก็ไม่ได้กลับมาเป็นนายกฯ ตามที่ตั้งหวัง

“ยาน” ก็ถูกจอดทิ้งไว้ โดยไม่มีใครรับช่วงบังคับทิศทางต่อ

และนั่นคือ จุดเสื่อมลึกที่ไม่มีใครอยากยอมรับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สุชาติ” ประสานไก่ CP ส่งผ่าน เครื่องบิน ทส. ช่วยโรงครัวมูลนิธิเพชรเกษม ประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันนี้ได้สั่งการให้เครื่องบินเล็ก ของ ทส. รับมอบไก่สดจาก CP จำนวน 1 ตัน มูลค่ากว่า 1 แสนบาท ไปส่งให้มูลนิธิเพชรเกษม

อนุสรี ทับสุวรรณ โอกาสใหม่ โอกาสของคนไทย แม้เปิดตัวช้า แต่พร้อมทำศึกเลือกตั้ง

"พรรคโอกาสใหม่" เป็นพรรคการเมืองซึ่งก่อนหน้านี้ถูกจับตามองอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นพรรคจัดตั้งใหม่ ที่มีข่าวว่ากลุ่มการเมืองภายใต้การนำของ "สุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ

รองนายกฯ สุชาติ สั่งการ ฮ.ทส. ช่วยลำเลียงผ้าอ้อมสำเร็จรูป 6,000 ชิ้น ช่วยผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ยังคงเป็นหน่วยงานสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา อย่างต่อเนื่อง ภารกิจสำคัญที่กระทรวงสนับสนุนอย่างมากในขณะนี้ คือ การลำเลียงอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์จำเป็นเร่งด่วน ในพื้นที่ประสบภัยโดยเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบิน ของ ทส. ซึ่งในวันนี้ก็มีภารกิจลำเลียงผ้าอ้อมสำเร็จรูป จำนวน 6,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 100,000 บาท ที่ได้รับการประสานให้ความช่วยเหลือมาจาก ท่าน ดร.จำลอง ช่วยรอด ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยจะลำเลียงด้วยเครื่องบินปีกตรึง ของ ทส. นำส่งไปยังพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ เพื่อกระจายให้กับผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ที่ประสบภัย ที่มีความจำเป็นต้องใช้สิ่งของเหล่านี้เป็นประจำ ความช่วยเหลือเหล่านี้มีความจำเป็นมากสำหรับครอบครัวที่มีผู้ป่วย ผู้สูงอายุ รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการเข้าห้องน้ำและการดูแลผู้ป่วยซึ่งทำได้ยากในสถานการณ์น้ำท่วม

‘พีระพันธุ์’ เล่าภารกิจช่วยน้ำท่วมใต้ เห็นจิตอาสาช่วยคนติดค้างมากกว่าภาครัฐ

หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเล่าการลงพื้นที่พัทลุง-หาดใหญ่ พบหลายชุมชนยังมีประชาชนติดค้างบนบ้าน-บนหลังคา ส่วนใหญ่ได้รับการช่วยเหลือจากจิตอาสาและกู้ภัยเอกชน ทีมพร

'สนธยา-สุชาติ' หย่าศึกการเมือง ปักหมุดแบ่งพื้นที่ชลบุรี

“สนธยา - สุชาติ" ถกเครียด แบ่งพื้นที่ชลบุรี “เสี่ยแป๊ะ” บอก เขต 1 มันควรจะลงตัว “สุชาติ” ปรี่จับมือ แต่อีกฝ่ายแค่รับไหว้ตบไหล่