
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ช่องบก หรือที่รู้จักในเชิงยุทธศาสตร์ว่า “สามเหลี่ยมมรกต” ปะทุขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสความกังวลของประชาชน และเสียงแตกในสังคมไทยที่กำลังตั้งคำถามว่า ฝ่ายใดกำลังรุก และ ฝ่ายใดกำลังถอย
แม้ทางการไทยจะพยายาม ลดระดับความตึงเครียด ด้วยถ้อยคำประนีประนอมจากกองทัพบก แต่ ความคลุมเครือ เหล่านั้นกลับเปิดช่องให้สังคมสงสัยว่า ไทยกำลัง ปกป้องอธิปไตย หรือกำลัง ยอมรับการครอบครองโดยพฤตินัยของกัมพูชา
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. กองทัพบกระบุว่ามีการ “ปรับกำลัง” ร่วมกัน และกัมพูชา ถอยกลับไปยังแนวปักปันตามแผนที่ พร้อมมีการ กลบคูเลต เพื่อแสดงท่าทีลดปมขัดแย้ง
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นานหลังคำแถลง ฮุน เซน ก็ประกาศผ่านเฟซบุ๊กว่า กัมพูชาไม่ได้ “ถอน” แต่เพียงแค่ “ปรับกำลัง” เช่นกัน พร้อมย้ำว่า “ดินแดนยังเป็นของเรา”
และวาทกรรม ยกศีรษะจากเตียง ไม่ใช่การลุกออกจากเตียง คือการเล่นคำที่เจือด้วย เล่ห์เหลี่ยม และแสดงชัดว่าฝ่ายกัมพูชายังยึดมั่นใน สิทธิความเป็นเจ้าของ พื้นที่
ถ้อยคำของฮุน เซน คือ การสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ ที่มีเป้าหมายเพื่อ ประกาศกรรมสิทธิ์เชิงสัญลักษณ์ โดยไม่ต้องใช้กำลัง
ขณะเดียวกัน คำแถลงของกองทัพไทยก็ใช้เพียงคำว่า “ปรับกำลัง” โดยไม่ได้ชี้ชัดว่ากัมพูชา ยอมถอน หรือ ยอมรับว่าเคยบุกรุก
ถ้อยคำเช่นนี้อาจฟังดู ปลอดภัยทางการทูต แต่กลับ สร้างช่องโหว่ ให้ฝ่ายเขมรตีความว่าไทย ยอมจำนนโดยพฤตินัย
ยิ่งไปกว่านั้น วันที่ 8 มิ.ย. ปรัก สุคน รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ได้ยื่นจดหมายอย่างเป็นทางการถึง มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เสนอให้ นำข้อพิพาทเข้าสู่ศาลโลก (ICJ)
นี่คือ หมากรุกทางการทูต ที่วางมาอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับวาทกรรมของฮุน เซน และสะท้อนถึง ยุทธศาสตร์บีบบังคับไทยให้ยอมรับกรอบของกัมพูชา
MOU 2543, สนธิสัญญาเก่า และแผนที่โบราณทั้งหลายกำลังจะถูกขุดขึ้นมา เพื่อ ผูกมัดไทยไว้กับกติกานานาชาติ ที่เคยทำร้ายเรามาแล้วในกรณีปราสาทพระวิหาร
ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเดินเกมอย่างเร่งรัด ฝ่ายไทยกลับตกอยู่ในภาวะ ไร้ทิศทาง และ ไร้เสียง ผู้นำรัฐบาลอย่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้สัมภาษณ์หรือแถลงท่าทีใดๆ ต่อประชาชนเลย
ความเงียบนี้ไม่ใช่ความสุขุม หากแต่สะท้อนถึง ภาวะไร้น้ำหนักเชิงผู้นำ ในยามประเทศต้องการจุดยืนที่หนักแน่น
ตรงกันข้าม ผู้ที่มีบทบาทโดดเด่นกลับเป็น ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ช่องบกคือ no man’s land
ถ้อยคำนี้คือ กับดักวาทกรรม ที่อาจถูกฝ่ายกัมพูชานำไปใช้ในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อชี้ว่า ไทยไม่มีกรรมสิทธิ์ชัดเจน ในพื้นที่พิพาท
เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการอาวุโส ถึงกับเตือนว่า เรากำลังเผชิญ “เล่ห์เขมร” ที่ยึดดินแดนด้วย ปากของไทยเอง
การประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย. ที่จะถึงนี้ ไม่ใช่เพียงเวทีเทคนิคด้านเขตแดน แต่คือ สนามรบทางนโยบาย ที่อาจพลิกภาพลักษณ์สิทธิเหนือดินแดนของไทยไปอย่างถาวร
ฝ่ายไทยต้องปฏิเสธข้อเสนอของกัมพูชาในการนำปมช่องบกเข้าสู่ศาลโลก (ICJ) อย่างเด็ดขาด เพราะแม้เพียงการตอบรับเบื้องต้น ก็อาจกลายเป็นกับดักให้ไทยถูกผูกมัดกับกลไกที่เคยทำร้ายเรามาแล้ว
รัฐบาลต้อง ชะลอการเปิดด่านไว้ก่อน จนกว่าจะมั่นใจว่า กัมพูชาไม่ใช้การเปิดด่านเป็นหลักฐานว่าไทยยอมจำนน
การเปิดด่านแบบไร้เงื่อนไข จะกลายเป็น ข้อเท็จจริงเชิงพื้นที่ ที่อาจถูกนำไปประกอบการยื่นฟ้องไทยใน ICJ ได้ในอนาคต
การปิดด่านชั่วคราวจึง ไม่ใช่การเผชิญหน้า แต่มันคือ มาตรการเชิงหลักการ เพื่อปกป้อง อธิปไตย และ หยุดเกมชิงพื้นที่ อย่างแนบเนียน
ไทยไม่ต้องการสงคราม แต่ไทยก็ไม่อาจ ยอมอ่อนข้อจนสูญเสียสิทธิในระยะยาว
ก่อนถึงวันประชุม JBC ไทยต้อง จัดทัพทางการทูต กฎหมาย และสื่อสารมวลชน อย่างเร่งด่วน เพื่อแสดง จุดยืนที่มั่นคง ต่อประชาคมโลก
หากยังปล่อยให้ ฮุน เซนสื่อสารฝ่ายเดียว ไทยอาจ สูญเสียพื้นที่โดยไม่รู้ตัว และไม่มีวันเรียกคืนได้อีกเลย
ความเงียบของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ อาจมิใช่แค่การ “ยกศีรษะขึ้นจากเตียง” อย่างที่ฮุน เซนเสียดสี
หากแต่คือการ ทอดทิ้งทั้งเตียง ทั้งแผ่นดิน ให้ศัตรูค่อยๆ เข้ายึดครองโดยไม่มีใครกล้ายืนหยัด
เมื่อประชาชนทั้งประเทศกำลังตั้งคำถามว่า ใครกำลังรุก ใครกำลังถอย? คำตอบก็อาจชัดเจนในตัวเอง
เพราะฝ่ายหนึ่งเดินเกมด้วย เล่ห์ทางการทูต อย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่อีกฝ่ายกลับ ถอยหลังด้วยความเงียบ
และนั่นคือเหตุผลที่ชื่อ “แพทองธาร” กำลังถูกจารึกไว้ ไม่ใช่ในฐานะนายกรัฐมนตรีไทย แต่ในฐานะ เสียงเงียบของชาติ
ท่ามกลางเสียงรุกของผู้นำเขมร ในสงครามที่ไร้ปืน แต่เปี่ยมไปด้วยเขี้ยวเล็บทางการทูต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม
เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ
ปักหมุดชายแดน8.3กม. บัวแก้วซัดเขมรบิดเบือน
บัวแก้วซัดเขมรยังบิดเบือน ย้ำ AOT ยันทุ่นระเบิดใหม่ "สีหศักดิ์" บินแจงภาคีออตตาวาต้น ธ.ค. แจงวางแนวหมุดชั่วคราว
เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7
กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง
ชายแดนระอุ! ทภ. 2 ส่องทหารกัมพูชา 4 พื้นที่เสี่ยง สร้างกระเช้าขึ้นเนิน ส่งรถถังประชิด วางทุ่นระเบิดล้อมรอบ
กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ 4 พื้นที่เสี่ยง ทหารกัมพูชาตรึงกำลัง-วางทุ่นระเบิดรอบพื้นที่ ใช้ปราสาทตาควาย เป็นบังเกอร์ สร้างกระเช้าขึ้นเนิน 350 ด้านทิศตะวันตก ภูมะเขือ มีรถถัง10คัน ส่วนช่องอานม้าเนิน 677ถูกยึด ช่องบก มีกำลัง 800 นาย


