
ศาลฎีกาไต่สวน 'ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ' ปม 'ทักษิณ' นอนชั้น 14 เจ้าตัวเบิกความส่งตัวไปรักษาตามความเห็นของแพทย์ สั่ง ป.ป.ช. ส่งหลักฐานเพิ่ม 'มติแพทยสภา-ประวัติรักษาตัวที่ต่างประเทศ'
13 มิ.ย. 2568 - ที่ศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ศาลนัดพร้อมและไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก แต่ได้มีการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยในวันนี้ได้มีการออกหมายเรียกให้นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน ขึ้นไต่สวนเป็นพยานปากแรก
ทั้งนี้เมื่อศาลออกนั่งบัลลังก์ ศาลได้ตรวจพยานเอกสารของผู้บัญชาการเรือนจำที่ส่งมาให้ศาลพิจารณา โดยศาลได้ไต่สวนนายมานพเกี่ยวกับการส่งตัวนายทักษิณ ไปรักษายังโรงพยาบาลตำรวจตามขั้นตอนต่างๆ
นายมานพ เบิกความต่อศาลว่า เพิ่งเข้ารับตำเเหน่งวันที่ 20 พ.ย. 2567 ซึ่งเป็นหลังจากที่นายทักษิณพ้นโทษไปเเล้วเเต่ได้เบิกความเกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งและการทำหน้าที่ของผู้บัญชาการเรือนจำ รวมถึงการทำหน้าที่พัศดีเวรในการรับและส่งตัวจำเลย ไปยังสถานพยาบาลนอกเรือนจำ โดยการรับตัว มีการตรวจสอบตัวตน ลายนิ้วมือ รูปพรรณ และใบรับรองแพทย์จากต่างประเทศ พร้อมหมายจำคุกของนายทักษิณ
โดยผู้บัญชาการเรือนจำเบิกความต่อศาล โดยปฏิเสธต่อศาล ไม่ทราบว่าประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศของนายทักษิณยังอยู่ในเรือนจำหรือไม่ ซึ่งศาลมีคำสั่งให้ส่งประวัติดังกล่าวมา แต่ถ้าไม่มีให้แจ้งศาลภายใน 15 วัน
ในนตอนที่รับตัวนายทักษิณเจ้ามา พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ ได้ตรวจร่างกายนายทักษิณ และระบุว่านายทักษิณอยู่ในเกณฑ์ผู้ต้องขัง 608 ซึ่งหมายความว่ามีผู้ต้องขังอายุเกิน 60 ปี และมีโรคเรื้อรัง 8 โรค ซึ่งสามารถดูอาการที่เรือนจำได้ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินสามารถส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก และทำใบส่งตัวไว้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติในเรือนจำ
นายมานพ ยังระบุอีกว่า ภายในเรือนจำจะมีพยาบาลเพียง 1 คน ต่อผู้ต้องขัง 4 พันคน โดยไม่มีแพทย์ประจำและวินิจฉัยโรงเบื้องต้น และเป็นคนละที่กับทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านายทักษิณมีอาการความดันโลหิตสูง ค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ นอนไม่หลับ แน่นหน้าอก โดยแพทย์ไม่ได้ตรวจวินิจฉัยแต่พยาบาลเป็นผู้โทรไปประสาน นพ.ณัฐพร แพทย์ประจำโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังจากนั้นจึงเป็นผู้มีความเห็นให้ส่งตัวไปรักษากับโรงพยาบาลตำรวจ
เมื่อศาลซักถามถึงกระบวนการการส่งตัว นายมานพ ยังเบิกความยอมรับว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่ใกล้กับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เรียกได้ว่ามีบริเวณรั้วติดกับเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งปกติผู้ต้องขังจะต้องถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ทุกครั้งก่อนส่งไปโรงพยาบาลภายนอก
นายมานพ ยังเบิกความต่อศาลเพื่อย้ำถึงการส่งตัวอีกว่า การส่งตัวผู้ต้องหาไปรักษาตัวนอกสถานที่นั้น เป็นการอาศัยระเบียบกรมราชทัณฑ์ปี พ.ศ. 2560 ซึ่งการส่งตัวตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ที่มีการใช้เป็นปกติ ซึ่งจะแตกต่างจาก ป.วิอาญา ซึ่งเป็นการทุเลาโทษ และการส่งตัวตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์จะนับระยะเวลาการรักษาเข้าไปในวันจำขังด้วย
ต่อมานายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ได้แถลงขออนุญาตซักถามพยานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงไม่น้อยกว่า 10 คำถาม โดยศาลพิจารณาแล้ว ไม่สามารถอนุญาตให้ทนายความจำเลยถามคำถามต่อพยานได้โดยตรง แต่ศาลจะเป็นผู้พิจารณาแต่ละคำถามตามความเหมาะสม โดยมีการแจ้งคำถามต่อศาลก่อนเนื่องจากบางคำถาม ศาลเตรียมที่จะเรียกพยานเข้ามาไต่สวนอยู่แล้ว โดยคำถามของนายวิญญัติเป็นการถามค้านศาลจากที่นายมานพได้เบิกความไว้ เช่น
ทนายวิญัติได้เริ่มถามข้อที่ 1 ว่าการส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยออกไปรักษาโรงพยาบาลนอกความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ทางกรมราชทัณฑ์ได้ทำ MOU ร่วมกับโรงพยาบาลอื่นหรือไม่ เช่นโรงพยาบาลตำรวจ
ศาลได้ตอบแทนพยานว่า ส่วนนี้ทางกรมราชทัณฑ์มี MOU ในเอกสารอยู่แล้ว
ทนายจึงถามข้อที่ 2 ต่อว่า ที่ผ่านมาทางเรือนจำ มีกรณีใดหรือไม่ ที่ส่งตัวผู้ต้องขังที่ป่วยไปรักษาตัวภายนอกโดยไม่ผ่านขั้นตอนโรงพยาบาลเรือนจำฯ แต่คำถามนี้ศาลไม่อนุญาตให้ถาม เนื่องจากเป็นการถามค้านศาล
ส่วนข้อที่ 3 พยานรู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ผู้ต้องขังมีประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศ ไม่ใช่เพิ่งมีอาการ นายมานพ ระบุว่า ไม่ทราบ
ข้อที่ 4 พยานทราบหรือไม่ว่าในระหว่างปฏิบัติราชการอยู่มีการคุมตัวผู้ต้องขังออกไปรักษาที่นอกเรือนจำทั้งประเทศจำนวนเท่าใด ศาลไม่อนุญาตให้ตอบ
ข้อที่ 5 ตามกฎกระทรวงเรื่องการคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่ต้องมีการควบคุมตัวตลอดเวลาใช่หรือไม่
ศาลแจ้งกลับว่า ในข้อคำถามดังกล่าวศาลได้กำหนดนัดหมายเรียกพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ที่ควบคุมตัวนายทักษิณมาไต่สวนแล้ว จึงไม่อนุญาตให้ถาม
ข้อที่ 6 จากการที่พยานกล่าวว่า แนวทางปฏิบัติกฎกระทรวงปี 2563 พยานไม่มีส่วนในการร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งนี้มาตรฐานการควบคุมตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ(SOP) ถือว่าเกิดขึ้นก่อนหน้ากรณีของนายทักษิณใช่หรือไม่ นายมานพ ยืนยันว่า ใช่
ข้อที่ 7 การที่ราชทัณฑ์มารับตัวผู้ต้องขังจากศาลฎีกาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2567 วิธีการซักประวัติถ่ายรูปตรวจร่างกายถือว่าเป็นการรับโทษแล้วหรือไม่ แต่ศาลไม่อนุญาตให้ถาม เพราะประเด็นนี้ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง
ข้อที่ 8 พยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในเรือนจำมี 1 คนต่อ 1 รอบเวร ใช่หรือไม่ นายมานพ ระบุว่า พยาบาล 1 คนต่อ 1 เวรจะต้องดูแลผู้ต้องขังจำนวน 4,000 คน
ส่วนข้อที่ 9 กลุ่ม 608 คือกลุ่มอะไร แต่ในข้อคำถามนี้ศาลแนะนำว่าควรจะสอบถามไปที่แพทย์มากกว่า เพราะมีความรู้เฉพาะเจาะจง
แต่นายวิญญัติ ยืนยันว่าจะถามผู้บัญชาการเรือนจำ ว่าเข้าใจหรือไม่ว่าคนไข้กลุ่ม 608 คือใคร ศาลจึงอนุญาตให้ผู้บัญชาการเรือนจำชี้แจง ซึ่งระบุว่า กลุ่ม 608 หมายถึงกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปป่วยด้วย 8 โรค กลุ่มนี้ทางเรือนจำจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิดการเรียกว่ากลุ่ม 608 เกิดขึ้นในสมัยการแพร่ระบาดของโควิด
นายวิญญัติ ได้ขอต่อศาลว่าขอไม่ให้มีนัดในเดือน ก.ค. เนื่องจากนายทักษิณมีกำหนดนัดคดีมาตรา 112 ที่ศาลอาญา ต้องไปปรากฏตัว โดยศาลได้ชี้แจงว่า ทั้งศาลเองก็มีข้อจำกัดในการกำหนดนัดผู้พิพากษาและการจัดเตรียมสถานที่ จึงขอให้ทีมทนายความบริหารเวลาและผู้มาฟังการไต่สวน เพราะนายทักษิณไม่จำเป็นต้องเดินทางมาด้วยตนเองสามารถมอบหมายทนายความให้เป็นตัวแทนได้
แต่ทนายความวิญญัติได้ชี้แจงว่า อยากขอความเมตตา เนื่องจากตนเองเป็นทนายความเพียงคนเดียวที่ได้เข้าเยี่ยมนายทักษิณ ขณะที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ อีกทั้งในทักษิณจำเป็นต้องมีทนายความที่ไว้วางใจในการ เดินทางขึ้นศาลในแต่ละครั้ง
ภายหลังสอบถามเสร็จสิ้น นายวิญญัติ ได้แถลงขอนำพยานบุคคลเข้าให้ศาลไต่สวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง โดยศาลพิจารณาแล้วให้นายวิญญัติทำคำร้องเป็นเอกสารเข้ามาให้ศาลพิจารณาต่อไป
หลังจากไต่สวนนายมานพเสร็จสิ้น ต่อมาศาลอ่านรายงานกระบวนพิจารณา ศาลเห็นว่ามีความจำเป็นต้องไต่สวนพยานจำนวน 20 ปากเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง โดยกลุ่มแรกเรียกไต่สวนในวันที่ 4 ก.ค. เป็นกลุ่มแพทย์ที่เกี่ยวข้อง อย่าง พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ นพ.ณัฐพร และไต่สวนวันที่ 8 ก.ค. จะเป็นเจ้าหน้าที่พัศดีและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ซึ่งมีนายสัญญา วงศ์หินกอง พัศดีเวรประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ส่วนวันที่ 15 เป็นผู้บริหารโรงพยาบาลราชทัณฑ์และผู้บริหารเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ในจำนวนนี้มีนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบัน นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ นายปราโมทย์ ทองศรี อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
และศาลได้นัดอีกครั้งในวันที่ 18, 25, 30 ก.ค.
นอกจากนี้ศาลยังให้ ป.ป.ช. ส่งรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ก.ส.ม.) ที่ว่าด้วยเรื่องมติที่ประชุมแพทยสภา และใบเบิกค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เข้าเวรควบคุมตัวนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ และประวัติการรักษาตัวจากต่างประเทศที่ราชทัณฑ์ใ ห้ส่งกลับมายังศาลภายใน 15 วัน ถ้าไม่มีให้เเจ้งต่อศาล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'
ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้
‘เสรีพิศุทธ์’ จัดเต็ม ‘ทักษิณ’ ยังไม่สิ้นกรรม แฉลึก...ศึกสีกากี
กลายเป็นเรื่องที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมาก กับการออกเปิดโปง-แฉข้อมูลเรื่องตำรวจรับผลประโยชน์ รับส่วยจากเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์
'ภูมิใจไทย'โชว์พร้อมยุบสภา 'ทักษิณ'ถูกสกัด-'พท.แพแตก'
การเมืองเวลานี้ต้องจับตาว่าจะมีการเลือกตั้งตาม MOA ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ที่กำหนดวันเลือกตั้งไว้วันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งใหญ่หรือไม่
พูดแบบนี้ได้ยังไง! อดีตลูกจ้างวอยซ์ ลั่นไม่เห็นใจทักษิณ หลังคดี 112 ถูกอุทธรณ์
อินฟลูเอนเซอร์สายการเมือง และอดีตพิธีกรข่าววอยซ์ทีวีของตระกูลชินวัตร แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อออนไลน์ หลังอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ข
‘ปลื้ม’ ถอดบทเรียนทักษิณ ต้องรู้จักแพ้-รู้จักหมอบ ถ้ามีแผลก็อย่าซ่า
หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ไลฟ์ “บทเรียนที่แสนแพง” ชี้ชีวิตการเมืองไม่สวยหรู เด็กต้องเรียนรู้การพ่ายแพ้ เก็บข้าวของกลับบ้าน และรู้ว่าถ้ามีแผลในสารบบศาบ แผลนั้นพร้อมเหวอะทันทีเมื่อถูกเชือด ระบุซ่าได้ต่อเมื่อไม่มีแผล
คดี112 ประธานผู้ลี้ภัย โวยกฎหมายโบราณกลั่นแกล้งทักษิณ
นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน ปัจจุบันลี้ภัยในฝรั่งเศส โพสต์เ

