นักเศรษฐศาสตร์เตือนเจรจาภาษีทรัมป์หากกระทบอธิปไตย-ทำลายสัมพันธ์จีนอย่ายอมเด็ดขาด

นักเศรษฐศาสตร์คาดรัฐบาลทรัมป์ตั้งกำแพงภาษี 36% มีปัจจัยการเมืองเจือปน กระตุกหากยื่นเงื่อนไขจนกระทบอธิปไตย-ความมั่นคง-ทำลายความสัมพันธ์กับจีน หัวเด็ดตีนขาดต้องไม่ยอม

16 ก.ค.2568 - รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวถึงการเจรจาเรื่องกำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกาว่าเมื่อพิจารณาการตั้งอัตราภาษีนำเข้าของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ต่อประเทศต่าง ๆ แม้ในภาพรวมจะเป็นเรื่องความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อเจาะลึกในรายละเอียดกลับพบว่า มาจากเหตุผลทางการเมืองและความมั่นคง เช่น การขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจากบราซิลเป็น 50% นอกเหนือจากเหตุผลที่ประเทศบราซิลเป็นหนึ่งในสมาชิกของ BRICS แล้ว ยังเป็นเรื่องการเมืองภายในประเทศบราซิลด้วย โดยเฉพาะคดีความของอดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบโซนารู ผู้มีความสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ส่วนกรณีของประเทศอินโดนิเซีย ซึ่งได้เข้าเป็นสมาชิกของ BRICS อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา มาตรการภาษีของทรัมป์ก็ถูกใช้เป็นยุทธศาสตร์ทางการเมือง ประการแรก มีการขู่ว่าจะเก็บภาษีเพิ่มอีก 10 % กับประเทศที่สนับสนุน BRICS ประการต่อมา แม้ทางการอินโดนิเซียจะยอมทำ MOUs หลายฉบับในการซื้อสินค้าทางการเกษตรและพลังงานจากบริษัทของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนซื้อฝูงบินจากบริษัท Boeing ไม่นับรวมกรณีความเสียเปรียบทางเศรษฐกิจอื่น ๆ รัฐบาลทรัมป์ก็ยังคงการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอินโดนิเซียที่ 32% เช่นเดิม

“ดังนั้น ในกรณีประเทศไทย การที่รัฐบาลทรัมป์ตั้งกำแพงภาษีที่ 36% นอกจากเหตุผลเพื่อลดการขาดดุลการค้า สาเหตุหลักก็น่าจะเป็นประเด็นทางการเมืองเช่นกัน หากข้อเสนอที่แท้จริงของสหรัฐอเมริกาเป็นเรื่องที่กระทบอธิปไตย ระบอบการปกครอง กระบวนการยุติธรรม หรือสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาด้านความมั่นคงในประเทศไทย ตลอดจนทำลายความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่นับรวมการที่ประเทศไทยต้องเสียเปรียบทางการค้าอย่างมาก รัฐบาลไทยก็ไม่ควรยอมรับข้อเสนอของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา เนื่องจากจะเป็นกรณีที่ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการที่รัฐบาลทรัมป์ลดอัตราภาษีนำเข้า น้อยกว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศที่จะเกิดขึ้น”

รศ.ดร.ชิดตะวันกล่าวต่อว่า การที่ประเทศไทยยอมดำเนินการตามแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกาในหลายเรื่อง ทั้งในมิติเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง รัฐบาลควรใช้วิกฤติครั้งนี้สร้างโอกาสเพื่อทำให้ประเทศให้แข็งแกร่ง เพราะการหวังพึ่งพิงประเทศอื่นตลอดไป ย่อมไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน ดังเช่นแนวคิดของกลุ่มเศรษฐศาสตร์สำนักพึ่งพาที่ระบุว่า การที่ประเทศยากจนหรือประเทศกำลังพัฒนาไม่สามารถก้าวข้ามเป็นประเทศรายได้สูงได้ เพราะความเจริญทางเศรษฐกิจไม่ได้มาจากปัจจัยภายในประเทศ แต่เป็นการพึ่งพิงทางการค้าและการลงทุนจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ เสมือนหนึ่งประเทศกำลังพัฒนาเป็นได้เพียงดาวเคราะห์ที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง ต้องอาศัยความสว่างจากดาวฤกษ์ เช่น พระอาทิตย์ เท่านั้น ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วคือดาวฤกษ์ที่มีแสงในตนเอง ซึ่งความสว่างไสวนั้นหมายถึงทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ สามารถสร้างให้ประเทศมีความโดดเด่น พัฒนาสินค้าและบริการให้มีความแตกต่าง ล้ำสมัย จนทำให้เป็นที่ต้องการของทุกประเทศ

รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญกับปัญหาจากปัจจัยภายนอกที่ไม่อาจควบคุมได้หลายประการ เช่น นโยบายกำแพงภาษีของรัฐบาลทรัมป์ ดังนั้น วิธีการที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตต้องมาจากปัจจัยที่รัฐบาลไทยสามารถควบคุมได้ โดยผลการวิจัยที่ผ่านมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า สภาพแวดล้อมของประเทศที่มีความปลอดภัย ภาครัฐมีธรรมาภิบาลและมีการทุจริตคอร์รัปชันที่ต่ำ แรงงานที่มีความรู้ความสามารถ จะนำมาซึ่งเม็ดเงินผ่านการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับสูง รวมถึงการที่นักท่องเที่ยวที่มีกำลังทางเศรษฐกิจและมีคุณภาพเดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ดังนั้น รัฐบาลไทยต้องปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมและสิ่งผิดกฎหมาย ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน รวมถึงเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพ ซึ่งจะเป็นปัจจัยทำให้ประเทศไทยสามารถกลายเป็นดาวฤกษ์ได้ในที่สุด

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ คุยทรัมป์ รับสัญญาณลดภาษีสหรัฐฯ ให้ไทยดีกว่าประเทศอื่น ไม่ผูกปมชายแดน

12 ธันวาคม 2568 - เวลา 22.00น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวการหารือทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยมี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ร่วมรับฟังการสนทนาด้วย

นายกฯ คุย 'ทรัมป์' ค่ำนี้ อัปเดตชายแดน ปัดหลิ่วตา 'ฮุนเซน'

'อนุทิน' อัปเดตชายแดนกับ 'ทรัมป์' ค่ำนี้ หลังคุย 'อันวาร์' ช่วงเย็น ปัดหลิ่วตา 'ฮุนเซน' ย้อนถามหยุดยิงเมื่อไหร่ ยันรัฐบาลมีอำนาจเต็มดูแลชายแดน

ทรัมป์เตือนอิสราเอล อย่าแทรกแซงซีเรีย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนอิสราเอลไม่ให้แทรกแซงซีเรีย “เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่อิสราเอลจะต้องรักษาการเจรจาที่มั่นคงและจริงใจกับซีเรีย และต้องไม่มีการกระทำใด ๆ ที่อาจขัดขวางการพัฒนาซีเรียให้กลายเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง” ทรัมป์โพสต์บนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขาเมื่อวันจันทร์ เขายังเสริมด้วยว่า “ยังมีโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ”

คณะรวมพลังฯ อ่านแถลงการณ์ 11 ข้อ เรียกร้อง 'ทรัมป์' หยุดแทรกแซงไทย-กัมพูชา

คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย อ่านแถลงการณ์ถึงข้อเรียกร้องต่อนายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนี้ ข้าพเจ้าประชาชนคนไทยในนาม "คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย"