การเจรจาที่กัวลาลัมเปอร์ไม่ควรเป็นเพียงฉากหยุดยิงเพื่อปิดแฟ้มเลือดไทย MoU 2543 และแผนที่ 1:200,000 ต้องถูกทบทวน มิฉะนั้นอธิปไตยไทยจะถูกแลกกับคำว่า “สันติภาพชั่วคราว” และเช็คเยียวยาที่ไร้ความจริง
เมื่อข่าวการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาเริ่มชัดว่า ภูมิธรรม เวชยชัย จะบินไปมาเลเซีย เพื่อขึ้นโต๊ะพูดคุยกับ ฮุน มาเนต ภายใต้บทบาทเจ้าภาพของ อันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียน สิ่งที่ดังขึ้นไม่ใช่เสียงปรบมือ แต่คือคำถามหนักๆ ว่า เรากำลังจะหยุดยิงด้วยเลือดของคนไทยแล้วปิดบัญชีด้วยเงินเยียวยาใช่หรือไม่?
ความจริงคือ ชีวิตคนไทยผู้บริสุทธิ์ที่เสียไปนับสิบจากเหตุปะทะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีทางถูกชุบชีวิตกลับมาได้ด้วยเอกสารใด ๆ บนโต๊ะเจรจา แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าคือ ความจริงว่าใครผิด ใครยิงก่อน ใครล้ำแดน มักถูกกวาดลงใต้พรม เพื่อให้ทุกฝ่ายดูเหมือน “จับมือกันได้” สำหรับนักการเมือง มันคือภาพลักษณ์ สำหรับมหาอำนาจ มันคือเกมการค้า สำหรับประชาชน มันคือคำถามที่ไม่มีคำตอบ
โต๊ะเจรจาที่กัวลาลัมเปอร์จึงไม่ใช่แค่การหาทางออก แต่มันคือเวทีที่เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของอธิปไตยไทย หากเราปล่อยให้ “ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว” กลายเป็นบทสรุป โดยไม่แตะ “ความจริง” และไม่แตะ “กรอบ MoU 2543” เรากำลังปล่อยให้เลือดคนไทยแห้งไปอย่างไร้ค่า
โต๊ะเจรจาครั้งนี้ถูกโอบล้อมด้วยแรงกดดันจากหลายทิศ ทั้งอาเซียนที่ไม่อยากเห็นสองประเทศสมาชิกลากกันไปถึงขั้นแตกหัก และมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯ และจีน ที่ต่างไม่ต้องการให้เปลวไฟจากชายแดนลุกลามมาทำลายสมดุลภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคนี้ เราจึงเห็นแรงกดดันทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ เช่น การขู่กดดันด้วย ภาษี การค้า หรือเครดิตการลงทุน เพื่อเร่งให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิงโดยเร็ว
แต่หยุดยิงไม่เท่ากับยุติปัญหา เพราะสิ่งที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือ ใครจะรับผิดชอบต่อชีวิตคนไทยที่ตายฟรี บ้านที่พังยับ ชุมชนที่ต้องอพยพนับพัน มันอาจจะจบเพียง “เงินเยียวยา” ที่รัฐบาลจ่ายจากภาษีประชาชน แล้วปิดบัญชีไว้ในแฟ้มเอกสาร บทเรียนแบบนี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่มีใครกล้าแตะ “คนผิด” และ “รากเหง้าของปัญหา”
รากเหง้านั้นชัดเจน นอกจากความบาดหมางทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังอยู่ที่ แผนที่และ MoU 2543 ที่ฝั่งกัมพูชาอ้างเป็นคัมภีร์ในการลากเส้นเขตแดน พวกเขายืนยันใช้แผนที่ 1:200,000 ซึ่งเกิดในยุคอาณานิคมฝรั่งเศส ขณะที่ไทยยืนยันต้อง ใช้แผนที่ 1:50,000 ที่ละเอียดและสะท้อนภูมิประเทศจริง การยืนกรานของกัมพูชากับการตั้งรับของไทยคือ ชนวนความขัดแย้งที่ถูกจุดทุกครั้ง เมื่อเกิดการล้ำเส้นหรือปักธงผิดฝั่ง
หากโต๊ะเจรจาครั้งนี้ไม่กล้าพูดถึง MoU 2543 และเรื่องแผนที่อย่างตรงไปตรงมา การหยุดยิงก็แค่การเลื่อนเวลาจนถึงวันที่ความรุนแรงจะกลับมาอีกครั้ง
เสียงเรียกร้องให้ไทย “ไม่หลงกลเล่ห์เขมร” ดังกว่าที่เคย หลายฝ่ายเชื่อว่าการเดินขึ้นโต๊ะเจรจาโดยยอมรับ กรอบ MoU 2543 จะทำให้ไทยตกอยู่ในเกมของกัมพูชา เพราะ ข้อตกลงนี้วางพื้นฐานการสำรวจและปักหลักเขตโดยมีแผนที่ 1:200,000 เป็นเงื่อนไขอ้างอิง และนั่นคือ จุดอ่อนสำคัญของไทย การปล่อยให้เอกสารฉบับนี้เป็นตัวตั้งโดยไม่ทบทวน จะทำให้เราต้องเจรจาด้วยข้อเสียเปรียบตั้งแต่แรก
การยกเลิก MoU 2543 เป็นเสียงเรียกร้องของคนจำนวนมากที่มองว่า นี่คือ กับดักทางกฎหมาย ที่ทำให้ไทยไม่อาจโต้กลับอย่างเต็มที่ เพราะทุกครั้งที่มีปัญหา กัมพูชาจะหยิบ MoU ฉบับนี้มาบอกว่า ไทยเคยลงนามแล้ว ไทยต้องทำตาม ในขณะที่กัมพูชาเองเลือกตีความเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง การเจรจาครั้งนี้จึงไม่ควรเป็นเพียงการ “ลดเพลิงชั่วคราว” แต่ควรเป็นจุดเริ่มของการทบทวนทุกกรอบที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือ แผนที่ 1:50,000 ของไทย ที่แม่นยำและสะท้อนภูมิประเทศจริงมากกว่า 1:200,000 ที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์ทางอาณานิคม หากไทยไม่ยืนยันแผนที่ของตัวเองในเวทีนี้ ทุกการสำรวจพื้นที่ปัญหาจะกลายเป็น “การตอกย้ำความพ่ายแพ้” ในเชิงอธิปไตยอย่างช้าๆ
ภูมิธรรมและคณะเจรจาต้องชัดเจนในจุดนี้ เพราะการเดินขึ้นโต๊ะโดยไม่ย้ำหลักการ คือการปล่อยให้ไทยจ่ายค่าเสียหายทั้งในสนามรบและบนแผนที่พร้อมกัน
การเจรจาที่กัวลาลัมเปอร์กำลังถูกตั้งคำถามหนักว่า “ไทยจะได้อะไรกลับมานอกจากคำว่าหยุดยิง” เพราะหากเราปล่อยให้ข้อตกลงนี้จบด้วยเพียงการ “ถอยกำลัง” และ “ตั้งคณะทำงาน” โดยไม่แตะเรื่องแผนที่และ MoU 2543 เรากำลังเสียศักดิ์ศรีในแบบที่ไม่อาจเรียกคืนได้ง่ายๆ ความตายของคนไทยนับสิบชีวิตจะถูกสรุปด้วยประโยคสั้นๆ ว่า “รัฐจ่ายเยียวยาแล้ว” ทั้งที่คำถามเรื่อง ใครสั่งยิง ใครฝังระเบิด ใครข้ามเส้นแดนก่อน ยังไม่ได้รับคำตอบแม้แต่น้อย
ความเจ็บปวดของครอบครัวผู้สูญเสียไม่ใช่เรื่องที่จะลบด้วยตัวเลขบนเช็คหรือคำปลอบใจสวยหรูจากนักการเมือง หากหยุดยิงแต่ไม่มีความจริง มันก็เป็นเพียงการฝังปัญหาไว้ใต้โต๊ะ และรอให้มันระเบิดซ้ำอีกครั้งในอนาคต เมื่อกัมพูชาเลือกเปิดเกมเดิมด้วยข้ออ้างใหม่ๆ ที่สร้างจากความเงียบของเรา
หลายฝ่ายเตือนว่าการเจรจาครั้งนี้อาจถูกกดดันจากมหาอำนาจ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และจีนที่ต่างมีผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ในภูมิภาค การใช้แรงกดดันทางเศรษฐกิจหรือการค้าเป็นเครื่องมือให้ทั้งสองฝ่ายยอมเซ็นหยุดยิง คือเกมของคนที่ไม่ต้องจ่ายราคาด้วยเลือดและชีวิตคนไทย แต่ใช้เพียง การคำนวณผลประโยชน์บนแผนที่โลก
คำถามสำคัญคือ ไทยพร้อมจะยืนหยัดบนหลักการของตัวเองมากแค่ไหน หรือเราจะยอมให้คำว่า “สันติภาพชั่วคราว” กลบเสียงของคนที่ตายฟรีในบ้านตัวเอง
เกมแผนที่ไม่ใช่เรื่องเทคนิค แต่คือ เลือดและดินแดน แผนที่ 1:200,000 ที่กัมพูชาอ้างคือเครื่องมือสร้างความได้เปรียบทางการเมือง หากไทยไม่ยืนยัน แผนที่ 1:50,000 ที่แม่นยำและเป็นมาตรฐานของเรา ความคลุมเครือจะถูกใช้เป็นข้ออ้างบิดเบือนว่า ไทยเป็นฝ่ายรุกราน ทั้งที่ความจริงคือเรากำลังปกป้องแผ่นดินตัวเอง
เสียงเรียกร้องให้ยกเลิก MoU 2543 ไม่ได้มาจากอารมณ์ชาตินิยมเท่านั้น แต่เพราะเอกสารฉบับนี้เป็น พันธนาการที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ กัมพูชาสามารถใช้ MoU เป็นเกราะอ้าง “ความชอบธรรม” เพื่อบิดข้อเท็จจริงและลากเส้นแดนที่ได้เปรียบตนเอง เราจึงต้องถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ไทยจะกล้าฉีกกรอบนี้ออก?
การเจรจาที่มาเลเซียครั้งนี้จึงไม่ควรเป็นแค่ การหาทางหยุดยิงชั่วคราว แต่ควรเป็นเวทีประกาศจุดยืนว่า อธิปไตยไทยและแผนที่ของเราไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาต่อรองได้ หากเราไม่ยืนยันจุดยืนวันนี้ ความไม่ชัดเจนนั้นจะกลายเป็นช่องให้ฝ่ายตรงข้ามย่ำซ้ำได้ในอนาคต
บทสรุปของโต๊ะเจรจานี้ จะถูกจารึกว่าไทยเลือกเดินบนเส้นไหน เส้นอธิปไตย หรือเส้นยอมจำนนแบบปิดปากด้วยเงินเยียวยา หากภูมิธรรมและคณะปล่อยให้ MoU 2543 และแผนที่ 1:200,000 ครอบงำโต๊ะเจรจา ไทยจะถูกบังคับให้เดินในเกมที่เขมรวางไว้ตั้งแต่ต้น
ชีวิตคนไทยไม่ควรถูกสรุปด้วยตัวเลขในเช็คเยียวยา เพราะทุกชีวิตที่สูญเสียคือหลักฐานว่าประเทศนี้ต้องการความจริง ไม่ใช่ความเงียบที่แลกด้วยภาษีประชาชน หากไม่มีใครกล้าถามว่า “ใครสั่งยิง และใครต้องรับผิด” การเจรจาครั้งนี้ก็เท่ากับปิดฉากด้วยความพ่ายแพ้
หยุดยิงที่ไร้คนรับผิด ไม่ใช่สันติภาพ แต่คือการซุกความอยุติธรรมไว้ใต้โต๊ะ และทุกครั้งที่เราปล่อยให้จบแบบนี้ ก็แค่ส่งสัญญาณให้คู่ขัดแย้งรู้ว่า “ไทยพร้อมจบด้วยการจ่ายเงิน แต่ไม่พร้อมทวงความจริง” เพราะถ้าเรายอมให้ทุกอย่างจบแค่เช็คเยียวยา ความจริงก็จะถูกฝังไปพร้อมเลือดของคนไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กเล็ก' สั่งคุมเข้ม! รับเขมรอาจจ้องก่อวินาศกรรม 'แท่นขุดเจาะน้ำมัน'
'รมว.กห.' ยอมรับกัมพูชาอาจพยายามก่อวินาศกรรมแท่นขุดเจาะน้ำมัน หลังพบโดรนบินอ่าวไทย สั่งทุกเหล่าทัพเพิ่มความเข้มงวดมาตรการดูแลความปลอดภัย ชี้เขมรทำลายโดรน D-20 เป็นเรื่องน่าเสียดาย
เขมรยังไม่หยุด! บุกตีคืนบ้านสามหลัง ไทยยิงปืนใหญ่หนีกระเจิง
กัมพูชายังไม่หยุด นำกำลังตีคืนบ้านสามหลัง เจอ 'นย.ตราด' ระดมปืนใหญ่แตกกระเจิง ส่วนพื้นที่บ่อไร่-คลองใหญ่ ชาวบ้านกลับบ้านได้แล้ว หลังไร้เหตุปะทะนานกว่า 7 วัน
จีนทุบ‘สแกมโบเดีย’ ‘จงอี้’แฉโยงผลประโยชน์หลายมิติ/กห.ลั่นภารกิจใกล้เสร็จ
"หลิว จงอี้" ทุบโต๊ะ! รัฐบาลกัมพูชามีความเชื่อมโยงและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการสแกมเมอร์ในหลายมิติ
'ลุงสุทิน' ยก 'ทูตพิเศษจีน' คือของจริงที่หยุดลมหายใจเขมรได้ ส่วน 'อันวาร์' คนเดินสารให้สหรัฐฯ จบเห่แล้ว
ตามที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า ทูตพิเศษด้านกิจการเอเชียของกระทรวงการต่างประเทศจีนจะเดินทางไปกัมพูชาและไทยอีกครั้งในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ เพื่อไกล่เกลี่ยการปะทะบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย
'ประชาคมแพทย์' ปลุกคนไทยรวมใจเป็นหนึ่งขอ 3 ข้อจากเพื่อนให้โลกรู้
เพจประชาคมแพทย์ โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก
เปิดภาพทิ้งบอมบ์ ทหาร BHQ-ผบ.หน่วยของเขมร เสริมกำลังพื้นที่บ้าน 3 หลัง ชายแดนตราด
กองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) โดย หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ตรวจพบ กัมพูชาเพิ่มกำลังบริเวณพื้นที่บ้านหนองรี ใกล้พื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด เป็นทหารหน่วย BHQ

