ไม่แปลกหรืออันตราย? วาทะ 'แบ่งแยกดินแดน' ของธนาธรกับขอบเขตความเป็นไทย

บนหน้าจอมือถือของผู้คนในสื่อสังคมออนไลน์ช่วงสองวันที่ผ่านมา คลิปสั้นจากเวทีเสวนาแห่งหนึ่งถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว

เป็นคลิปที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในฐานะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

แม้ไม่แน่ชัดว่าคลิปนี้ถูกบันทึกเมื่อใด แต่เมื่อสำนักข่าวระดับประเทศหยิบขึ้นมาเผยแพร่ซ้ำ ก็เพียงพอให้ถ้อยคำในนั้นสะเทือนต่อความคิดของผู้คนอีกครั้ง และทำให้สังคมตั้งคำถามว่าเจ้าตัวต้องการชี้ให้เห็นอะไร

“จริง ๆ ในกรณีสามจังหวัดชายแดน ผมสามารถพูดถึงกรณีเปรียบเทียบในหลายพื้นที่ทั่วโลกได้เลยนะ ความพยายามที่จะแบ่งแยกดินแดน ความพยายามที่จะมีเอกราชของตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องแปลกในสังคมสมัยใหม่ แต่กลับกลายเป็นเรื่องแปลกในสังคมไทยมาก ที่คุณพูดเรื่องนี้…”

คลิปยาวเพียงไม่กี่นาที แต่เพียงพอจะปลุกให้เกิดการถกเถียง ว่าประเทศไทยพร้อมเพียงใดที่จะรับฟังการพูดถึงประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่สุดของรัฐอย่างเปิดเผย

ในสังคมไทย คำว่า “แบ่งแยกดินแดน” ไม่ได้เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง แต่มันผูกพันกับประวัติศาสตร์ ความสูญเสีย และความพยายามของรัฐในการรักษาความสงบมายาวนานหลายสิบปี

ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรมลายูปัตตานี ก่อนจะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสยามในรัชกาลที่ 5 การสร้างรัฐสมัยใหม่มีเป้าหมายเพื่อรวมความหลากหลายให้เป็นเอกภาพ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้บางส่วนรู้สึกว่าตัวตนทางวัฒนธรรมถูกกลืนหายไป

อย่างไรก็ตาม พื้นที่แห่งนี้ไม่เคยหลุดจากอ้อมแขนของชาติไทย ยังมีผู้คนอีกมากที่ยืนอยู่เคียงข้างรัฐ และจงรักภักดีต่อสถาบัน

ภาพของนายวาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความผูกพันระหว่างรัฐกับประชาชนในปลายด้ามขวาน ครอบครัวยังสืบสานการถวายผลจำปาดะจากสวนบ้านเกิดแด่พระบรมมหาราชวังทุกปี

เรื่องเล่าที่ดูเรียบง่ายนี้ สะท้อนให้เห็นว่าชายแดนใต้ไม่ใช่พื้นที่แปลกแยกจากชาติไทย แต่คือส่วนหนึ่งของหัวใจแผ่นดินนี้อย่างแท้จริง

เมื่อมีถ้อยคำจากบุคคลสาธารณะที่พูดถึง “การแบ่งแยกดินแดน” สังคมย่อมมีสิทธิ์ตั้งคำถามและรอคำอธิบายที่ชัดเจนในเจตนา

ธนาธรอาจต้องการยกตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบ เพื่อชี้ให้เห็นปรากฏการณ์ในโลกยุคใหม่ ที่บางภูมิภาคเรียกร้องอัตลักษณ์ของตนเอง ไม่ใช่เพื่อสนับสนุนการแยกดินแดนในประเทศไทย

แต่เพราะคำพูดนั้นเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ยังมีเหตุความไม่สงบและการสูญเสียต่อเนื่อง ถ้อยคำจึงถูกตีความได้หลายทาง และย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

สำหรับคนทั่วไปที่มองจากภายนอก การหยิบประเด็นนี้มาพูดในพื้นที่ซึ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์ความไม่สงบมายาวนาน ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกหวั่นไหวและตั้งคำถามได้ตามธรรมชาติ

ในความเป็นจริง โลกไม่ได้มอง “การแบ่งแยกดินแดน” เป็นเรื่องธรรมดา แม้จะมีบางภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแนวทางนั้น แต่เกือบทุกประเทศต่างเลือกจะรักษาความเป็นเอกภาพของรัฐไว้

คาตาลันในสเปนพยายามแยกตัวด้วยการลงประชามติ รัฐบาลกลางตอบโต้ด้วยการใช้กฎหมายเข้าควบคุม ผู้นำคาตาลันต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศจนถึงวันนี้

สกอตแลนด์ในสหราชอาณาจักรได้สิทธิ์ลงประชามติอย่างสงบ แต่คนส่วนใหญ่กลับเลือกอยู่ร่วมกันต่อ เพราะรู้ดีว่าการแยกตัวอาจได้อัตลักษณ์คืนมา แต่สิ่งที่หายไปคือความมั่นคงและโอกาสทางเศรษฐกิจ

โลกจึงไม่ได้มองว่าการประกาศเอกราชเป็นเรื่องแปลก แต่มองว่าเป็น “ทางออกสุดท้าย” ที่มีราคาสูงเสมอ

สำหรับประเทศไทย รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดในมาตรา 1 ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” ถ้อยคำนี้ไม่ใช่เพียงข้อความในกฎหมาย แต่คือหัวใจของการอยู่ร่วมกัน

ดังนั้น เมื่อมีบุคคลสาธารณะหรือนักการเมืองพูดถึงประเด็นที่อาจแตะเส้นตรงนี้ แม้จะด้วยเจตนาอธิบายเชิงเปรียบเทียบ ก็เป็นธรรมดาที่ประชาชนต้องการความเข้าใจมากกว่าการตีความ

ยิ่งธนาธรในฐานะผู้วางยุทธศาสตร์ทางความคิดของพรรคประชาชน ซึ่งกำลังผลักดันแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงถูกจับตามองมากกว่าคนทั่วไป

ไม่แปลกที่สังคมจะตั้งคำถามและมีความกังวล ต่อแนวคิดของพรรคประชาชนที่มุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนที่ถูกมองว่าอาจแตะหมวดหนึ่ง ซึ่งเป็นรากฐานของความเป็นประเทศ

“นักอุดมการณ์” อาจมองโลกด้วยความฝัน แต่ “นักปกครอง” ต้องมองโลกด้วยความจริง เพราะสิ่งที่อยู่บนเส้นทางแห่งความรับผิดชอบ ไม่ใช่แนวคิดในกระดาษ แต่คือชีวิตของผู้คนใต้ธงชาติเดียวกัน

ตั้งแต่ปี 2563 ที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่พร้อมตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือธนาธรในฐานะหัวหน้าพรรค จนถึงวันนี้ ยังคงมีบทบาทในเชิงความคิดกับพรรคประชาชน ไม่ว่าจะออกหน้าหรืออยู่เบื้องหลัง

อีกห้าปีข้างหน้า เมื่อครบกำหนดการตัดสิทธิ์ ชื่อของธนาธร อาจกลับมาอยู่ในสมการทางอำนาจอีกครั้ง

หากวันนั้นมาถึง วันที่ธนาธรกลับมาเต็มตัว วันที่มีโอกาสนั่งบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย คำพูดที่เคยกล่าวไว้เรื่อง “การแบ่งแยกดินแดนไม่ใช่เรื่องแปลก” จะไม่ใช่เพียงวาทะในห้องสัมมนาอีกต่อไป

มันจะกลายเป็นคำที่โลกหยิบมาฟังซ้ำ ในทุกเวทีที่เอ่ยถึงประเทศไทย

ลองจินตนาการภาพนั้นดู เวทีประชุมสหประชาชาติในนิวยอร์ก หรือการประชุมสุดยอดอาเซียน ผู้นำชาติอื่นฟังนายกรัฐมนตรีไทยพูดถึงสันติภาพและความร่วมมือ แต่อาจมีนักข่าวคนหนึ่งยกมือถามขึ้นว่า

“ท่านยังเชื่ออยู่หรือไม่ว่า ความพยายามแบ่งแยกดินแดนไม่ใช่เรื่องแปลก”

เพียงคำถามเดียวก็อาจทำให้ทั้งห้องเงียบ เพราะคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของผู้นำในเวลานั้น ไม่ใช่เพียงเสียงของคนคนหนึ่ง แต่คือเสียงของประเทศไทยทั้งประเทศ

คำพูดบางคำเมื่อออกจากปากนักการเมืองอาจเป็นเพียงความเห็น แต่เมื่อเจ้าของคำพูดกลายเป็นผู้นำประเทศ มันจะกลายเป็นทิศทางของชาติ

หากวันหนึ่งธนาธรกลับมามีอำนาจทางการเมืองจริง สิ่งที่สังคมรอไม่ใช่คำอธิบายย้อนหลัง แต่คือความชัดเจนว่าเชื่อมั่นในความเป็นหนึ่งเดียวของประเทศมากเพียงใด

เวทีโลกไม่ใช่พื้นที่ทดลองแนวคิด ทุกถ้อยคำของผู้นำคือสัญญาณของท่าทีประเทศ และหากกลับมาพร้อมแนวคิดเช่นนั้นจริง สิ่งที่ต้องตอบไม่ใช่แค่คนไทย แต่คือคำถามจากทั้งโลก ว่าเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” มากเพียงใด

บางที สิ่งที่ทำให้สังคมไทยสับสนในครั้งนี้ อาจไม่ใช่เพียงเนื้อหาของคำพูด แต่คือการไม่แยกแยะระหว่าง “แนวคิดที่ต้องระวัง” กับ “แนวคิดที่ควรส่งเสริม”

คำว่า “กระจายอำนาจ” กับ “การแบ่งแยกดินแดน” ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

การกระจายอำนาจคือการเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นมีอำนาจจัดการตนเองภายใต้ธงเดียวกัน แต่การแบ่งแยกดินแดนคือการตัดขาดจากธงนั้นโดยสิ้นเชิง

รัฐที่เข้าใจประชาชน ย่อมรู้ว่าการส่งอำนาจบางส่วนลงไปข้างล่าง ไม่ใช่การลดอำนาจของศูนย์กลาง แต่คือการทำให้แผ่นดินมั่นคงยิ่งขึ้น

การเมืองอาจเปลี่ยนได้ทุกยุค แต่สิ่งที่ยึดเราไว้คือแผ่นดินเดียวกันนี้

ประเทศไทยอาจยังมีความเห็นต่างมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรต่าง คือความตั้งใจจะรักษาความเป็นหนึ่งเดียวของชาติ เพราะนั่นคือหัวใจของสันติภาพ และคือเหตุผลที่คนไทยยังยืนอยู่ร่วมกันจนถึงวันนี้

ไม่ว่าแนวคิดจะเปลี่ยนไปเพียงใด สิ่งที่ไม่ควรเปลี่ยนคือความเข้าใจว่า แผ่นดินนี้คือของเราทุกคน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จี้ 'พรรคส้ม' ต้องขอโทษประชาชนด้วย บ้านเมืองมีภัยสงคราม อดีตส.ส.กลับหนีทหาร ดูถูกกองทัพ

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กรณีศาลอาญาอ่านคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ อดีตส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน ในคดีปลอมใบสด.43 เพื่อหนีทหาร ว่า

อดีต สส.ปากน้ำ ฉะพรรคส้มเผด็จการ ถูกเขี่ยไม่ให้ลงสมัครเลือกตั้ง ทั้งที่ผ่านมติ กก.บห.แล้ว

ตีกันยับ! 'ตรัยวรรษ' อดีต สส.ปชน. เมืองปากน้ำ มอง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ฉะพรรคส้มเผด็จการ 'เลขาพรรค' หักมติ เหตุ ตอนแรกได้ลงสมัครต่อแล้ว แต่ถูกต่อสายขอให้ถอนตัว งง แล้วจะมี กก.บห.เพื่อ ยัน 2 ปี 7 เดือนมุ่งมั่นทำงาน ขอทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเอง

อดีต สส.พรรคส้ม 'จิรัฏฐ์' ถอดใจ ไม่ไปต่อ เมียขอลงสมัครแทน

พรรคส้มยันไม่ปกป้อง สส.จิรัฏฐ์ ถูกตัดสินจำคุก คดีปลอมใบ สด.43 ย้ำ เป็นสิทธิเจ้าตัวพิสูจน์ตัวเองในกระบวนการยุติธรรม เผยตัดสินใจมานานแล้วจะไม่ลงสมัครต่อ แต่ ภรรยา "จิรัฏฐ์" ได้แสดงความประสงค์สมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค

ทรงอำนาจ! เผยโฉม 6 โปลิตบูโรพรรคส้ม กำหนดชะตาผู้สมัครส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาชนถึงการคัดสรรตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรค โดยพรรคประชาชนจะมีการประชุมว่าที่ผู้สมัคร สส.ทั่วปร

กระทบมั่นคงชาติ! เปิดเหตุผลศาลสั่งคุก ‘จิรัฏฐ์’ เจตนาใช้เอกสารราชการปลอม

เปิดเหตุผลศาลอาญา ระบุการกระทำของจำเลยส่งผลต่อกระทรวงกลาโหมและประชาชน กระทบความมั่นคงของชาติ เห็นว่ามีเจตนาใช้เอกสารราชการปลอม เข้าข่ายความผิดกรรมเดี